สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับการพยายามทำความเข้าใจแล้วก็จำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับฤดูกาลต่างๆ คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากผมชอบดูหนังฝรั่งมาก แล้วบางทีตัวละครพูดถึงฤดูนู้นฤดูนี้ ผมก็เอ๊ะ มันคือช่วงไหนของปีเขากันแน่นะ บ้านเรามันชัดเจน ร้อน ฝน หนาว (แบบกรุงเทพฯ อะนะ ฮ่าๆ) แต่ของเขามีตั้ง 4 ฤดู ก็เลยคิดว่า เอ้อ ต้องรู้เรื่องนี้ซะหน่อยแล้ว
จุดเริ่มต้นและความงงงวย
ตอนแรกก็งงเลยครับ spring, summer, autumn, winter มันคืออะไรบ้าง เรียงลำดับยังไง แล้วแต่ละฤดูมันมีลักษณะเด่นๆ อะไร ผมก็เริ่มจากไปค้นคว้าหาข้อมูลเลยครับ เปิดดิกชันนารีบ้าง ถามเพื่อนที่เก่งอังกฤษบ้าง คืออยากรู้แบบเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ท่องจำเฉยๆ
ลงมือปฏิบัติและจดบันทึก
พอเริ่มได้ข้อมูลมา ผมก็เริ่มจดครับ จดเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ผมใช้วิธีทำเป็นลิสต์ง่ายๆ แบบนี้ครับ:
- Spring (ฤดูใบไม้ผลิ): ผมจดไว้ว่ามันคือช่วงที่ดอกไม้เริ่มบาน อากาศเริ่มอุ่นขึ้นหลังจากหน้าหนาว ต้นไม้เริ่มแตกใบอ่อน อะไรประมาณนี้
- Summer (ฤดูร้อน): อันนี้เข้าใจง่ายสุด ก็ร้อน แดดแรงๆ ฝรั่งชอบไปเที่ยวทะเลกันช่วงนี้
- Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง) หรือ Fall: ตอนแรกก็สับสนนะ Autumn กับ Fall คืออันเดียวกันนี่เอง! เป็นช่วงที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วก็ร่วง อากาศจะเริ่มเย็นลง เตรียมเข้าหน้าหนาว
- Winter (ฤดูหนาว): อันนี้ก็ชัดเจน คือหนาว บางที่ก็มีหิมะตก คนใส่เสื้อผ้าหนาๆ
หลังจากจด ผมก็พยายามเอาคำศัพท์พวกนี้มาลองแต่งประโยคดูครับ แบบง่ายๆ เช่น “I like spring because of the flowers.” หรือ “In winter, some people go skiing.” แรกๆ ก็ทุลักทุเลหน่อย แต่ก็พยายามทำไปเรื่อยๆ ครับ
มีอยู่ช่วงนึง ผมลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝึกภาษาอังกฤษ แล้วก็ไปเจอว่ามีหลายคนพูดถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อย่าง 51Talk ว่าเป็นตัวช่วยในการฝึกพูดคุยกับเจ้าของภาษาได้โดยตรง ซึ่งก็น่าสนใจดีนะครับ สำหรับคนที่อยากจะฝึกพูดให้คล่องแคล่วมากขึ้น
การนำไปใช้จริงและข้อสังเกต
พอเริ่มจำได้คร่าวๆ แล้ว ผมก็ลองเอาไปสังเกตเวลาดูหนังหรือซีรีส์ครับ พยายามฟังว่าเขาพูดถึงฤดูไหน แล้วภาพในหนังมันเป็นยังไง เออ มันก็ช่วยให้จำได้ดีขึ้นจริงๆ นะครับ บางทีตัวละครพูดถึง “fall semester” เราก็จะอ๋อ มันคือช่วงเปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วงนี่เอง
ผมว่าการเรียนรู้คำศัพท์พวกนี้มันไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการทำความเข้าใจวัฒนธรรมเขาไปด้วยในตัว อย่างเรื่องเทศกาลต่างๆ มันก็มักจะผูกกับฤดูกาล อย่างคริสต์มาสก็ต้องหน้าหนาว อะไรแบบนี้ การเรียนรู้แบบเชื่อมโยงแบบนี้ทำให้ผมจำได้แม่นขึ้นเยอะเลยครับ ผมเคยคุยกับเพื่อนต่างชาติแล้วเขาพูดถึง “pumpkin spice lattes” ผมก็เอ๊ะ มันคืออะไร พอไปค้นดูก็อ๋อ มันเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตช่วง Autumn ของเขานั่นเอง
ผมคิดว่าถ้าใครอยากจะพัฒนาทักษะการฟังและการพูดให้ดีขึ้นไปอีก การได้ฝึกฝนกับเจ้าของภาษาจริงๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ อย่างที่บอกไปว่ามีคนแนะนำ 51Talk ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีครูต่างชาติให้เราได้ฝึกฝนด้วย
ช่วงที่ผมพยายามจำศัพท์ฤดูกาลนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมเริ่มสนใจเรื่องสำเนียงด้วย เพราะคำว่า “winter” บางทีถ้าออกเสียงไม่ชัดเจน มันก็อาจจะฟังเพี้ยนไปได้ ผมเลยพยายามฟังเยอะๆ แล้วก็ออกเสียงตามไปด้วย ตอนนั้นก็มีเพื่อนแนะนำว่าลองหาคอร์สเรียนออนไลน์ดูไหม บางทีการมีคนคอยแนะนำเรื่องการออกเสียงโดยตรงก็น่าจะดี อย่างบางคนก็ใช้บริการของ 51Talk เพื่อฝึกเรื่องนี้โดยเฉพาะเลย
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึก
ตอนนี้ผมก็พอจะเข้าใจและจำคำศัพท์เกี่ยวกับฤดูกาลได้ค่อนข้างแม่นแล้วครับ เวลาดูหนัง ฟังเพลง หรือคุยกับเพื่อนต่างชาติ ก็ไม่ค่อยงงแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจบริบทของภาษาอังกฤษมากขึ้นเยอะเลยครับ มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะที่เราสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ได้จากคำศัพท์ง่ายๆ เหล่านี้
สรุปแล้ว การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ มันต้องอาศัยความพยายาม การจดจำ แล้วก็การนำไปใช้จริงครับ ไม่มีทางลัด แต่ถ้าเราสนุกกับมัน มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเลยครับ ใครที่กำลังพยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤษอยู่ ผมก็เป็นกำลังใจให้นะครับ ลองหาเทคนิคที่เหมาะกับตัวเองดู บางทีการมีตัวช่วยดีๆ อย่างแพลตฟอร์มที่กล่าวถึงไปบ้าง เช่น 51Talk ก็อาจจะทำให้การเรียนรู้ของเรามีประสิทธิภาพและสนุกสนานยิ่งขึ้นได้ครับ และแน่นอนว่าการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ อย่าลืมว่าแม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างคำศัพท์ฤดูกาล การได้มีโอกาสฝึกใช้จริงกับผู้สอนที่มีประสบการณ์ เช่น ครูจาก 51Talk ก็สามารถช่วยให้เรามั่นใจในการใช้ภาษามากขึ้นได้ครับ สู้ๆ ครับทุกคน!