สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับเรื่องการหาหนังสือภาพภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็กที่บ้าน คือตอนแรกๆ ก็มึนตึ้บเลยนะ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ลูกก็ยังเล็กมาก จะอ่านรู้เรื่องไหมนะ ภาษาอังกฤษอีกต่างหาก โอ้ย สารพัดคำถามในหัวเต็มไปหมดเลยค่ะ
เริ่มภารกิจตามล่าหนังสือภาพ
จำได้เลยว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มคิดเรื่องนี้ ก็ลองไปเดินด้อมๆ มองๆ ตามร้านหนังสือใหญ่ๆ ก่อนเลยค่ะ หนังสือเด็กมันเยอะมากกก ลายตาไปหมด ทั้งแบบไทยแบบอังกฤษ แล้วหนังสือภาพภาษาอังกฤษนี่ก็มีหลายแบบหลายสไตล์จนเลือกไม่ถูกเลยจริงๆ บางเล่มก็ภาพสวยมาก บางเล่มก็ดูคำศัพท์ยากไปไหมนะสำหรับเด็กเล็ก คิดวนไปวนมาอยู่หลายตลบเลยค่ะ นอกจากร้านหนังสือ ก็มีไปส่องๆ ตามร้านออนไลน์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเลย เพราะไม่เห็นของจริง สรุปคือช่วงแรกนี่เสียเวลางมอยู่นานเหมือนกันค่ะ
ลองผิดลองถูก…เล่มไหนโดนใจเจ้าตัวเล็ก
สุดท้ายก็เอาน่ะ! ลองซื้อมาสักสองสามเล่มก่อน เลือกแบบที่คิดว่าลูกน่าจะชอบ เน้นภาพใหญ่ๆ สีสันสดใส ตัวหนังสือน้อยๆ ไม่ซับซ้อน ปรากฏว่าพอเอามาเปิดให้อ่านให้ฟังครั้งแรกนะ โอ้โห! ลูกตาเป็นประกายเลยค่ะ ชี้รูปนั้นรูปนี้ใหญ่เลย ถึงจะยังพูดไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ดูออกเลยว่าตื่นเต้น แล้วก็ชอบมาก ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเล่มจะประสบความสำเร็จนะ บางเล่มซื้อมาลูกก็มองๆ แล้วก็เมินเฉยไปเลยก็มี 555 ก็ต้องสังเกตกันไปค่ะว่าลูกเราชอบแนวไหน บางทีรูปสวยถูกใจแม่ แต่ไม่ถูกใจลูกก็มีนะ หรือบางทีเราอาจจะอ่านไม่สนุกพอ เค้าก็เลยไม่สนใจก็เป็นได้ค่ะ ช่วงนั้นก็เลยได้เรียนรู้ว่า
- สังเกตปฏิกิริยาลูกเป็นหลัก
- เลือกเรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก หรือเป็นสิ่งที่เค้าสนใจ
- อย่าเพิ่งซื้อเยอะ ลองทีละน้อยๆ ก่อน
มีเพื่อนบางคนก็แนะนำว่าลองให้ลูกได้ฟังภาษาอังกฤษจากสื่ออื่นๆ ควบคู่ไปด้วย อย่างเช่น เพลงเด็กภาษาอังกฤษ หรือบางคนก็ให้ลูกเรียนเสริมภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็กๆ เลยค่ะ แอบได้ยินมาว่าที่ 51Talk เค้าก็มีคอร์สสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็กด้วยนะ น่าจะช่วยสร้างความคุ้นเคยกับภาษาได้ดีเหมือนกัน
พัฒนาการของการเลือกและการอ่าน
พอเริ่มจับทางได้ว่าลูกชอบแนวไหน ก็เริ่มสนุกกับการเลือกหนังสือมากขึ้นค่ะ จากที่เคยเน้นแต่ภาพอย่างเดียว ก็เริ่มมองหาเล่มที่มีเรื่องราวง่ายๆ ประโยคสั้นๆ ซ้ำๆ ให้ลูกได้ลองฟังแล้วก็อาจจะพูดตามได้บ้างเล็กน้อย แล้วก็ไม่ใช่แค่อ่านให้ฟังอย่างเดียวนะคะ เริ่มมีการชี้ชวนคุย ชวนให้ลูกมองตาม ชี้ตาม หรือบางทีก็ลองถามคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับรูปภาพเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ ของเรานี่แหละค่ะ ผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไร เน้นสนุกเข้าว่า
ช่วงหลังๆ นี่เวลาไปเจอพวกงานหนังสือเด็ก หรือมีคนแนะนำแหล่งข้อมูลดีๆ ก็จะสนใจเป็นพิเศษเลยค่ะ บางทีก็ไปเจอพวกบทความออนไลน์ที่แนะนำเทคนิคการอ่านหนังสือภาพให้สนุก หรือวิธีเลือกหนังสือให้เหมาะกับวัย อย่างบางสถาบันสอนภาษาเค้าก็จะมีคอนเทนต์พวกนี้มาแชร์อยู่เรื่อยๆ นะคะ อย่างที่ 51Talk เนี่ย ก็เคยเห็นเค้ามีบทความเกี่ยวกับการใช้หนังสือภาพเพื่อเสริมทักษะภาษาอังกฤษให้เด็กๆ เหมือนกัน ก็ได้ไอเดียดีๆ มาปรับใช้เยอะเลยค่ะ
ค้นพบสิ่งสำคัญระหว่างทาง
จากการลองผิดลองถูกมาสักพักใหญ่ๆ ก็ทำให้ค้นพบว่าจริงๆ แล้วหนังสือภาพภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเนี่ย ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไปนะคะ หนังสือมือสองสภาพดีๆ หรือการยืมจากห้องสมุดใกล้บ้านก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยค่ะ ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะ แถมยังได้หนังสือหลากหลายแนวมาให้ลูกลองด้วย ที่สำคัญกว่าราคาหนังสือ หรือความสวยงามของภาพ ก็คือ “เวลา” ที่เราได้ใช้ร่วมกันกับลูกตอนอ่านหนังสือต่างหากค่ะ การได้กอดเค้าไว้แล้วอ่านหนังสือให้ฟัง มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากๆ เลยนะ
แล้วก็อย่าไปกดดันลูกหรือตัวเราเองมากเกินไปค่ะว่าลูกจะต้องเก่งภาษาอังกฤษจากการอ่านหนังสือภาพเท่านั้น คิดซะว่ามันเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยเสริมพัฒนาการ ช่วยเปิดโลกกว้างให้เค้า แล้วก็เป็นกิจกรรมที่สร้างความผูกพันในครอบครัวด้วยค่ะ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าลูกเขาเริ่มสนใจภาษาอังกฤษมากขึ้นหลังจากได้เรียนเสริมกับคุณครูชาวต่างชาติจากที่ 51Talk ควบคู่ไปกับการอ่านหนังสือนิทานภาษาอังกฤษที่บ้าน มันก็ทำให้เห็นว่าแต่ละครอบครัวก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป อยู่ที่เราจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับเราที่สุด
สรุปแล้วนะคะ การเดินทางตามหาหนังสือภาพภาษาอังกฤษให้ลูกของฉันเนี่ย มันก็เหมือนการผจญภัยเล็กๆ ที่มีทั้งเรื่องสนุก เรื่องให้ลุ้น แล้วก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดทางเลยค่ะ ใครที่กำลังเริ่มๆ อยู่ก็สู้ๆ นะคะ ลองดูค่ะ สนุกกว่าที่คิด!