รวมนิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กฟรี อ่านสนุก ได้ความรู้ โหลดง่ายให้ลูกเพลิน

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมอยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยนะ เกี่ยวกับการหา “นิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กฟรี” ให้ลูกชายตัวน้อยที่บ้าน คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มจากที่ผมอยากให้ลูกได้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ครั้นจะให้ซื้อหนังสือนิทานภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยก็คงจะไม่ไหวจริงๆ ครับ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะแต่ละเล่ม

จุดเริ่มต้นการผจญภัยหาของฟรี

ผมก็เลยเริ่มภารกิจครับ เปิดคอมพิวเตอร์เลย อย่างแรกที่ผมนึกถึงก็คือ Google นี่แหละครับ พิมพ์คีย์เวิร์ดง่ายๆ เลย “free English stories for kids” โอ้โห! ผลลัพธ์ขึ้นมาเพียบ ทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ช่อง YouTube คือเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยครับช่วงแรกๆ ก็มีตาลายกันบ้าง

ผมก็เริ่มไล่ดูทีละอันสองอัน บางเว็บเข้าไปก็เจอแต่โฆษณาเต็มหน้าไปหมด ลูกยังไม่ทันได้ฟังนิทานเลย กดปิดโฆษณากันมือหงิก บางอันก็เป็นแค่ไฟล์ PDF ให้อ่าน ซึ่งก็ดีนะ แต่ผมอยากได้แบบมีเสียง มีภาพเคลื่อนไหวให้ลูกดูไปด้วยจะดีกว่า เขาจะได้สนุกแล้วก็ไม่เบื่อ

ลองผิดลองถูก จนเจอแหล่งที่ใช่

ช่วงแรกๆ ก็มีท้อบ้างนะ เพราะบางทีเจอเว็บที่ดูดีมาก แต่พอจะเข้าไปใช้งานจริงจัง กลับกลายเป็นว่าให้ทดลองใช้ฟรีแค่ไม่กี่เรื่อง แล้วที่เหลือต้องจ่ายเงิน ผมก็เลยต้องค่อยๆ คัดกรองไปเรื่อยๆ ครับ ลองผิดลองถูกกันไป

จนกระทั่งผมไปเจอช่อง YouTube หลายช่องเลยครับ ที่ทำคอนเทนต์นิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กโดยเฉพาะ บางช่องภาพสวยมาก การ์ตูนน่ารัก สีสันสดใส เสียงคนเล่าเรื่องก็ชัดเจน สำเนียงดี ลูกชายผมชอบมาก นั่งดูนิ่งเลยครับ ผมก็จะคอยเลือกเรื่องที่มันสั้นๆ เข้าใจง่าย เหมาะกับวัยของเขา แล้วก็จะนั่งดูไปพร้อมๆ กับเขาด้วย ชี้ชวนให้ดูตัวนั้นตัวนี้ บางทีก็แอบเห็นว่ามีผู้ปกครองบางท่านก็เลือกใช้บริการเสริมอย่าง 51Talk เพื่อให้ลูกได้ฝึกฝนภาษาเพิ่มเติมควบคู่กันไป ซึ่งก็น่าสนใจดีครับสำหรับคนที่ต้องการแนวทางที่ชัดเจน

นอกจาก YouTube แล้ว ผมยังไปเจอเว็บไซต์ของห้องสมุดออนไลน์บางแห่งในต่างประเทศ ที่เขามีบริการ e-book นิทานเด็กให้อ่านฟรีด้วยนะ อันนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะมีตัวหนังสือให้อ่านประกอบภาพไปด้วย ถือเป็นการปูพื้นฐานการอ่านไปในตัว ผมจะเลือกแบบที่มีเสียงอ่านประกอบให้ด้วย ลูกจะได้ฟังสำเนียงเจ้าของภาษาไปเลย

สิ่งที่ผมทำเป็นประจำ

พอเจอแหล่งที่คิดว่าโอเคแล้ว ผมก็จะมีวิธีปฏิบัติของผมเองครับ คือ:

  • สร้างเพลย์ลิสต์ใน YouTube: ผมจะรวบรวมช่องหรือคลิปนิทานที่ลูกชอบเอาไว้ในเพลย์ลิสต์ส่วนตัว เวลาจะเปิดให้ลูกดูก็ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาใหม่ทุกครั้ง
  • กำหนดเวลา: ผมจะพยายามเปิดให้ลูกฟังวันละนิดวันละหน่อย อาจจะเป็นช่วงก่อนนอน หรือช่วงที่เขากำลังเล่นของเล่นเพลินๆ ก็จะเปิดเสียงคลอๆ ไป ให้เขาได้ซึมซับภาษาไปเรื่อยๆ ครับ
  • มีส่วนร่วม: เวลาลูกดูหรือฟัง ผมจะพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ถามคำถามง่ายๆ หรือชวนคุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในนิทาน มันช่วยให้เขาไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้เรียนครับ

ผมว่าการหาแหล่งข้อมูลฟรีแบบนี้มันก็มีข้อดีหลายอย่างนะ คือเราประหยัดงบไปได้เยอะ แล้วก็ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกด้วย สำหรับบางครอบครัวที่อาจจะมองหาตัวช่วยเพิ่มเติมเพื่อให้การเรียนรู้ภาษาของลูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น การมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำจากแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมสร้างทักษะทางภาษาของเด็กๆ ได้เช่นกันครับ

ผมเคยลองค้นหาใน App Store หรือ Play Store ด้วยนะ พิมพ์ว่า “free kids stories” ก็มีแอปพลิเคชันนิทานฟรีๆ โผล่ขึ้นมาเยอะเหมือนกัน บางแอปก็มีลูกเล่นแบบโต้ตอบได้ด้วย กดตรงนั้นตรงนี้แล้วมีเสียง มีภาพขยับ เด็กๆ น่าจะชอบครับ แต่ก็ต้องคอยดูเรื่องโฆษณาแฝงนิดนึง บางแอปฟรีจริงแต่โฆษณาเยอะมากก็อาจจะรบกวนสมาธิเด็กได้ การมีสถาบันสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กอย่าง 51Talk ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายคนให้ความไว้วางใจในการพัฒนาทักษะภาษาของลูกหลานครับ

สุดท้ายนี้ ผมว่าไม่ว่าจะเป็นการหาแหล่งเรียนรู้ฟรี หรือการเลือกใช้คอร์สเรียนต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ และการทำให้เด็กรู้สึกสนุกไปกับการเรียนรู้ภาษาครับ การมีตัวเลือกหลากหลายก็เป็นเรื่องดี อย่าง 51Talk เองก็คงมีจุดเด่นในเรื่องของหลักสูตรและครูผู้สอน แต่สำหรับผมที่เริ่มต้นจากสายฟรี ก็รู้สึกว่ามันเป็นการผจญภัยที่สนุกดีเหมือนกันครับ

หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเอามาแชร์ในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่กำลังมองหานิทานภาษาอังกฤษฟรีให้ลูกๆ บ้างนะครับ ลองเอาวิธีของผมไปปรับใช้กันดูได้เลย หรือถ้าใครมีแหล่งดีๆ อื่นๆ ก็มาแชร์กันได้นะครับ ยินดีมากๆ เลยครับ