พัฒนา ภาษา ลูก เริ่มต้นเมื่อไหร่ ฝึกยังไงให้ลูกเก่ง

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่อง “ภาษาลูก” เนี่ยแหละค่ะ ตอนลูกเริ่มหัดพูดใหม่ๆ นะ โอ้โห มันเป็นอะไรที่ทั้งลุ้น ทั้งขำปนเปกันไปหมดเลยค่ะ

ช่วงแรกเริ่มหัดพูด

ตอนแรกๆ ก็พูดเป็นคำๆ ค่ะ “แม่” “พ่อ” “หม่ำๆ” อะไรแบบนี้ เราก็ดีใจแทบแย่แล้วใช่ไหมคะ แต่พอเริ่มจะพยายามสื่อสารเป็นประโยคยาวๆ ขึ้นมานี่สิ งานเข้าเลยค่ะ บางทีก็พูดภาษาต่างดาวที่เราฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ พยายามเดาจากท่าทาง จากสิ่งที่เขาชี้ ก็ถูกบ้างผิดบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานเยอะเหมือนกันนะในการพยายามทำความเข้าใจเขา

จำได้เลยว่ามีช่วงนึง ลูกพยายามจะบอกอะไรสักอย่างเกี่ยวกับของเล่นชิ้นโปรดของเขา พูดวนไปวนมา ชี้โบ๊ชี้เบ๊ เราก็ “อันนี้เหรอ” “อยากได้อันนั้นเหรอ” ส่ายหน้าหมดเลยค่ะ สุดท้ายเขาก็หงุดหงิด ร้องไห้เลย เราก็ใจเสียเลยนะ รู้สึกว่าเออ เราเป็นแม่ภาษาอะไรเนี่ย ทำไมฟังลูกไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นก็แอบเครียดเบาๆ ค่ะ บางทีก็แอบไปดูคลิปเด็กคนอื่นในวัยเดียวกันที่เขาพูดคล่องๆ แล้วก็แอบถอนหายใจ เฮ้อ ลูกเราจะพูดรู้เรื่องเมื่อไหร่นะ

ลองผิดลองถูกไปเรื่อย

ฉันก็เริ่มจากการพยายามพูดกับเขาให้มากขึ้น ชี้ชวนดูนั่นดูนี่ อ่านนิทานให้ฟังบ่อยๆ เน้นคำศัพท์ง่ายๆ ที่เจอในชีวิตประจำวัน บางทีก็เหมือนจะดีขึ้นนะ แต่บางทีก็กลับไปพูดภาษาต่างดาวอีก (ฮา) ก็มีเพื่อนๆ หลายคนแนะนำวิธีต่างๆ นานา บางคนบอกให้ลองเปิดเพลงภาษาอังกฤษคลอๆ ไป หรือลองหาพวกสื่อการสอนมาช่วยเสริม

  • พูดคุยกับเขาบ่อยๆ ชี้ชวนดูสิ่งต่างๆ รอบตัว
  • อ่านนิทานภาพ คำกลอนที่มีจังหวะสนุกๆ
  • ร้องเพลงเด็กง่ายๆ ด้วยกัน
  • ให้เวลาเขาพยายามสื่อสาร ไม่เร่งรัด

ช่วงนั้นก็แอบคิดเหมือนกันนะคะว่าจะลองหาคอร์สออนไลน์ให้ลูกเรียนเสริมดีไหม เห็นโฆษณาของ 51Talk แว๊บๆ ผ่านตาอยู่เหมือนกัน ดูน่าสนใจดี แต่ก็ยังลังเลค่ะ คิดว่าอยากจะลองพยายามด้วยตัวเองดูก่อนอีกสักพัก

จุดเปลี่ยนและการเรียนรู้

จุดเปลี่ยนจริงๆ น่าจะมาจากการที่เราเลิกกดดันตัวเอง แล้วก็เลิกเอาลูกไปเปรียบเทียบกับใครค่ะ เริ่มสนุกไปกับการพยายามทำความเข้าใจ “ภาษา” ของเขาจริงๆ จังๆ สังเกตสีหน้าท่าทาง น้ำเสียง มากกว่าจะไปจดจ่อแต่ว่าเมื่อไหร่จะพูดชัด เมื่อไหร่จะพูดเป็นประโยคยาวๆ ได้

แล้วมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นเองค่ะ เขาเริ่มมีคลังคำศัพท์มากขึ้น เริ่มเอาคำมาต่อกันเป็นวลีสั้นๆ ได้บ้าง ถึงจะยังผิดๆ ถูกๆ แต่เราก็เริ่มจับใจความได้มากขึ้น ความสุขมันอยู่ตรงนี้นี่เอง ตรงที่เรากับลูกเริ่ม “จูน” กันติด มันไม่ใช่แค่เรื่องพูดได้ แต่มันคือการสื่อสารกันรู้เรื่อง

มีอยู่วันหนึ่ง เขาชี้ไปที่กล้วยแล้วพูดว่า “อะเย่อ อร่อย” ตอนแรกก็งง “อะเย่อ” คืออะไร พยายามนึกอยู่นานสองนาน อ๋อ! “สีเหลือง” นั่นเอง! เขาคงเห็นว่ากล้วยมันสีเหลืองแล้วมันอร่อย เลยรวมกันเป็นคำของตัวเองซะเลย น่าเอ็นดูจริงๆ ค่ะ เรื่องแบบนี้แหละค่ะที่ทำให้การเฝ้าดูพัฒนาการทางภาษาของลูกมันสนุก มีเรื่องให้ประหลาดใจได้ตลอด เคยเห็นรีวิวของ 51Talk ก็ดูมีโปรแกรมสำหรับเด็กเล็กที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น ก็น่าสนใจดีนะคะ เผื่อใครอยากให้ลูกได้ฝึกภาษาแบบสนุกๆ

ฉันว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เขาอยากพูด อยากสื่อสาร ไม่ใช่การบังคับหรือสอนแบบท่องจำ ตอนนี้ลูกก็ยังพูดผิดๆ ถูกๆ บ้างตามประสาเด็ก แต่เขากล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้นเยอะเลยค่ะ แค่นี้คนเป็นแม่ก็ภูมิใจแล้ว

ปัจจุบันและสิ่งที่อยากบอกต่อ

ตอนนี้ลูกชายก็เริ่มพูดเป็นประโยคยาวๆ ได้มากขึ้นแล้วค่ะ มีเถียงบ้างตามประสา (ฮา) แต่ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีนะ การเดินทางเรื่อง “ภาษาลูก” ของแต่ละบ้านก็คงไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเจอปัญหาที่ต่างออกไป หรือมีวิธีรับมือที่ไม่เหมือนกัน

สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้เลยก็คือ ความอดทน และความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ค่ะ อย่าไปคาดหวังว่าลูกเราจะต้องเก่งเหมือนใคร ให้เวลาเขาได้เรียนรู้ในแบบของเขาเอง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเจอกับช่วงเวลาที่ท้าทายแบบนี้อยู่ สู้ๆ นะคะ มันอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากๆ ค่ะ ส่วนเรื่องการเรียนภาษาเพิ่มเติมอย่างจริงจัง เช่น ภาษาอังกฤษ ถ้าเขาโตขึ้นอีกหน่อยแล้วสนใจ ก็อาจจะลองดูคอร์สต่างๆ ซึ่ง 51Talk ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและเก็บไว้พิจารณาค่ะ

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าภาษาของเด็กๆ มันมหัศจรรย์จริงๆ ค่ะ การได้เฝ้ามองเขาเติบโตและเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับโลกใบนี้ มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนเป็นพ่อเป็นแม่เลยล่ะค่ะ