เพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็กอนุบาล เลือกเพลงถูกใจเด็กๆ

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

เอาล่ะทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยนะ เรื่องหาเพลงภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านฟัง คือลูกเราก็เริ่มเข้าอนุบาลแล้วไง อยากให้เค้าคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษแบบไม่เครียด ไม่ใช่จับมาท่องศัพท์ ABC อะไรแบบนั้น มันน่าเบื่อ เด็กไม่ชอบหรอก

เริ่มยังไงดีล่ะทีนี้?

ตอนแรกก็มึนๆ ตึ้บๆ เหมือนกันนะ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เปิดยูทูบไปเรื่อยเปื่อย บางทีก็เจอเพลงที่มันเร็วไปบ้าง เนื้อเพลงยากไปบ้าง ลูกก็มองหน้าเหลอหลาเลยจ้า ฮ่าๆๆ หลังๆ เลยเริ่มจับจุดได้ว่าต้องเริ่มจากเพลงที่มันง่ายๆ ทำนองสนุกๆ ติดหูหน่อย แล้วก็ถ้ามีท่าเต้นประกอบด้วยนะ โอ้โห ลูกจะชอบมากเป็นพิเศษเลย

เพลงที่ลองแล้วเวิร์ค (สำหรับบ้านเรานะ)

อันนี้คือลิสต์เพลงที่ลูกเราชอบมากๆ แล้วก็รู้สึกว่าเค้าได้คำศัพท์ง่ายๆ เพิ่มขึ้นด้วย:

  • “Baby Shark” – เพลงชาติเด็กอนุบาลไปแล้วมั้งเพลงนี้ แต่ยอมรับว่ามันติดหูจริง ท่าเต้นก็ง่าย ลูกชอบทำตาม
  • “Twinkle Twinkle Little Star” – เพลงกล่อมนอนในตำนาน แต่พอมาเป็นเวอร์ชันสนุกๆ เด็กก็ชอบนะ ได้คำว่า star, sky อะไรพวกนี้
  • “Wheels on the Bus” – เพลงนี้ดีมาก ได้ศัพท์เกี่ยวกับรถ เกี่ยวกับการเดินทางเยอะเลย round and round, open and shut
  • “Old MacDonald Had a Farm” – สอนเรื่องเสียงสัตว์ต่างๆ E-I-E-I-O นี่ร้องได้ก่อนเพื่อนเลย
  • “Head, Shoulders, Knees and Toes” – สอนอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย แถมได้ออกกำลังกายไปด้วย

ช่วงแรกๆ ก็เปิดวนไปค่ะ ไม่ต้องกลัวลูกเบื่อ เด็กเค้าชอบอะไรซ้ำๆ อยู่แล้ว พอเค้าเริ่มคุ้น เราก็ค่อยๆ เพิ่มเพลงใหม่ๆ เข้าไป

เทคนิค (ไม่ลับ) ที่ใช้แล้วได้ผล

จากที่ลองผิดลองถูกมาพักใหญ่ ก็พอจะสรุปเป็นข้อๆ ได้ประมาณนี้:

1. อย่าบังคับ: สำคัญสุดเลย ถ้าลูกไม่อยากฟังก็คือไม่ต้องเปิด อย่าทำให้การฟังเพลงภาษาอังกฤษกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหรือโดนบังคับ

2. ร้องด้วยกัน เต้นด้วยกัน: อันนี้สนุกมาก ทำให้ลูกรู้สึกว่าเรามีส่วนร่วม เค้าจะแฮปปี้แล้วก็อยากทำตามมากขึ้น ไม่ต้องอายนะ เต้นไปเลยเต็มที่!

3. ทำเป็นกิจวัตร: อาจจะเปิดตอนเช้าระหว่างแต่งตัวไปโรงเรียน หรือตอนเย็นหลังกลับจากโรงเรียน หรือก่อนนอนนิดหน่อย ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเลย

4. เชื่อมโยงกับของจริง: เช่น พอร้องเพลง “Head, Shoulders, Knees and Toes” ก็ชี้ไปที่อวัยวะจริงๆ ของลูก หรือตอนร้อง “Old MacDonald” ถ้ามีตุ๊กตาสัตว์ก็เอามาประกอบได้

5. เลือกเพลงที่มีภาพประกอบน่ารักๆ: เด็กๆ ชอบดูภาพการ์ตูนสีสันสดใส มันช่วยดึงดูดความสนใจได้ดีเลย

พอทำแบบนี้ไปสักพักนะ จะเริ่มเห็นผลเลย ลูกจะเริ่มฮัมเพลงภาษาอังกฤษได้เองแบบงงๆ บางทีก็พูดคำศัพท์เป็นคำๆ ออกมาได้จากเพลงที่ฟังบ่อยๆ อย่างบ้านเราเนี่ย พอเค้าเริ่มติดใจเพลงภาษาอังกฤษมากขึ้น ก็เริ่มมองหาตัวช่วยเสริมเหมือนกันนะ บางคนก็แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์อย่าง 51Talk ที่เค้ามีสื่อการสอนสำหรับเด็กเล็กด้วยนะ เห็นว่าเน้นให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้ ซึ่งก็ตรงกับที่เราอยากได้เลย

เพลงนี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยนะ ทำให้เด็กไม่กลัวภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะไปเจอพวกแกรมม่ายากๆ หรือถ้าใครอยากจะเสริมแบบจริงจังขึ้นมาหน่อย พวกคลาสเรียนสั้นๆ อย่างของ 51Talk ก็น่าสนใจนะ เพราะเค้าเน้นให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ใช่แค่ท่องจำ

แล้วอีกอย่างนะ การใช้เพลงเป็นสื่อเนี่ย มันช่วยปูพื้นฐานได้ดีมากเลย ไม่ใช่แค่คำศัพท์ แต่ยังรวมถึงสำเนียงด้วย ถ้าอยากให้สำเนียงเป๊ะๆ ตั้งแต่เด็ก การได้ฟังเจ้าของภาษาบ่อยๆ ก็สำคัญ อย่างพวกแพลตฟอร์มสอนภาษาเช่น 51Talk เค้าก็จะมีคุณครูต่างชาติที่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้โดยตรงเลย

ที่สำคัญคืออย่าคาดหวังว่าลูกจะต้องเก่งภาษาอังกฤษในทันทีทันใดนะ ให้เค้าค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ สนุกกับมันไปก่อน อย่างน้อยๆ การที่เค้าชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษ มันก็เป็นประตูบานแรกที่ดีแล้วล่ะนะ ใครมีเทคนิคอะไรดีๆ หรือเพลงไหนเด็ดๆ ก็มาแชร์กันได้นะ บางทีเราอาจจะมองหาคลาสเพิ่มเติมให้ลูกจริงจังขึ้น อย่างเพื่อนก็เคยแนะนำให้ลองดู 51Talk เพราะมีคลาสทดลองให้เด็กๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ก่อนด้วย

สรุปคือ เพลงเด็กอนุบาลภาษาอังกฤษนี่เวิร์คจริง ลองไปปรับใช้กันดูนะ แล้วถ้าใครอยากต่อยอดแบบมีคนช่วยไกด์ แพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเริ่มต้นของเด็กๆ ในวัยนี้เลยล่ะค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพ่อๆ แม่ๆ ทุกคนนะ!