สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลย เรื่องการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกๆ เนี่ย มันเป็นอะไรที่…อืมมม…ต้องลองผิดลองถูกกันเยอะจริงๆ ครับ ไม่ใช่ว่าอ่านตำราแล้วจะเป๊ะเลยนะ
จุดเริ่มต้นและความคาดหวัง
ตอนแรกเลยนะ ลูกคนโตเริ่มเข้าอนุบาล เราก็แบบ ไฟแรง! อยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กๆ คิดว่าจะได้เปรียบในอนาคต ก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลย ซื้อหนังสือนิทานสองภาษามาอ่านให้ฟัง เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กให้คลอๆ ไป ตอนนั้นก็คิดว่าเออ มันต้องซึมซับสิ ปรากฏว่า…ลูกก็นั่งฟังตาแป๋วๆ นะ แต่พอถามอะไรเป็นภาษาอังกฤษนิดหน่อย ก็ทำหน้างงใส่ ฮ่าๆๆๆ
ลงสนามจริง ลองนั่นลองนี่
พอเริ่มเห็นว่าวิธีบ้านๆ ของเรามันอาจจะยังไม่พอ ก็เริ่มมองหาตัวช่วยเสริมครับ ตอนนั้นก็ดูพวกคอร์สเรียนสำหรับเด็กเล็ก มีทั้งแบบไปเรียนที่สถาบัน หรือแบบออนไลน์ ผมก็ลองหาข้อมูลดูหลายที่เลยนะ บางที่ก็เน้นเล่นเกม บางที่ก็เน้นร้องเพลง ตอนนั้นมีเพื่อนแนะนำให้ลองดูพวกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สอนตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ ก็แอบไปส่องๆ ดูเหมือนกัน อย่าง 51Talk ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เห็นคนพูดถึงอยู่บ้างในช่วงนั้น แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันที เพราะอยากลองดูหลายๆ แนวทางก่อน
ผมก็ลองพาลูกไปเรียนที่สถาบันใกล้บ้านดูช่วงสั้นๆ ผลคือ…ลูกไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ อาจจะเพราะยังเด็กมาก แล้วก็ยังไม่ชินกับการไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ กับคนเยอะๆ กลับมาบางทีก็งอแงบ้าง เราก็เอ้อ…สงสัยยังไม่ใช่วิธีที่เหมาะกับลูกเราเท่าไหร่
เปลี่ยนแนวทางสู่โลกออนไลน์และกิจกรรมเสริม
หลังจากนั้นก็เลยเบนเข็มมาทางออนไลน์มากขึ้นครับ เพราะมันยืดหยุ่นเรื่องเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางด้วย ก็ลองดูหลายเจ้าเลยนะ บางเจ้าก็ให้ทดลองเรียนฟรี เราก็ลองไปเรื่อยๆ สิ่งที่ผมสังเกตได้อย่างหนึ่งคือ ครูผู้สอนมีผลกับเด็กมากๆ เลยครับ ถ้าครูคนไหนเข้ากับจริตลูกเราได้ ชวนคุยเก่ง มีลูกเล่นเยอะ ลูกก็จะสนุก อยากเรียนรู้ แต่ถ้าเจอครูที่ดุหน่อย หรือสอนแบบเน้นแกรมม่าจ๋าๆ ตั้งแต่เด็กเล็กเลย อันนี้ลูกผมถอยเลยครับ
ช่วงนั้นก็ยังคงมองหาข้อมูลเปรียบเทียบอยู่เรื่อยๆ นะครับ อย่างพวกแพลตฟอร์มที่ใช้ครูเจ้าของภาษาโดยตรง หรือครูจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ อย่างที่เคยเห็นผ่านตาว่า 51Talk ก็มีครูชาวฟิลิปปินส์เยอะ ซึ่งเขาก็สื่อสารได้คล่องแคล่วและมีประสบการณ์สอนเด็ก ผมว่ามันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาคอร์สเรียนออนไลน์ให้ลูก
นอกจากการเรียนในห้องเรียนหรือออนไลน์แล้ว ผมว่าการสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันก็สำคัญไม่แพ้กันครับ ผมเริ่มจากอะไรง่ายๆ เช่น พูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษแทรกๆ เข้าไปบ้างเวลาคุยกันในบ้าน ชวนดูการ์ตูนเป็นซาวด์แทร็กภาษาอังกฤษ (มีซับไทยบ้างช่วงแรกๆ) หรือแม้แต่หาเกมง่ายๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษมาเล่นด้วยกัน สิ่งเหล่านี้มันช่วยให้ลูกรู้สึกว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็นส่วนหนึ่งของความสนุกได้
สิ่งที่ค้นพบและปัจจุบัน
ผมว่าหัวใจสำคัญเลยนะ คือการทำให้เด็กรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ภาษา อย่าไปกดดันเขาว่าต้องเก่ง ต้องพูดได้เป๊ะๆ เหมือนเจ้าของภาษาตั้งแต่วันแรก เพราะมันจะกลายเป็นความเครียดเปล่าๆ ตอนนี้ลูกๆ ผมก็ยังไม่ได้ถึงกับคล่องปรื๋ออะไรมากมายนะครับ แต่เขากล้าพูดมากขึ้น ไม่กลัวที่จะสื่อสารผิดๆ ถูกๆ ซึ่งผมว่านี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่ดี
มีช่วงหนึ่งที่ผมลองให้ลูกเรียนกับครูสอนพิเศษแบบตัวต่อตัวที่บ้านดูบ้างสลับกับการเรียนออนไลน์ ก็เพื่อให้เขาได้เจอวิธีการสอนที่หลากหลาย บางทีการได้เจอครูคนไทยที่เข้าใจวัฒนธรรมและสามารถอธิบายแกรมม่าง่ายๆ เป็นภาษาไทยสลับบ้าง ก็ช่วยให้เด็กบางคนเข้าใจได้ดีขึ้น ในขณะที่การเรียนกับครูต่างชาติผ่านแพลตฟอร์มอย่างที่หลายคนใช้บริการของ 51Talk ก็จะได้เรื่องสำเนียงและความกล้าในการสื่อสารกับชาวต่างชาติโดยตรง
ทุกวันนี้ก็ยังคงให้ลูกๆ ได้สัมผัสกับภาษาอังกฤษอยู่เรื่อยๆ ครับ ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นวิธีไหนวิธีเดียว บางทีก็เปิด YouTube ช่องเด็กภาษาอังกฤษให้ดูบ้าง อ่านนิทานภาษาอังกฤษก่อนนอนบ้าง หรือถ้ามีโอกาสได้เจอเพื่อนต่างชาติ ก็จะพยายามให้ลูกได้ลองคุยเล่นด้วยนิดๆ หน่อยๆ ผมว่ามันคือการเดินทางระยะยาวครับ ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ
สรุปแล้ว จากประสบการณ์ของผม การสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ ต้องคอยสังเกตลูกเราว่าเขาชอบแบบไหน ถนัดแบบไหน แล้วก็ปรับเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ บางทีสิ่งที่คนอื่นว่าดี อาจจะไม่เหมาะกับลูกเราก็ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอและความสนุกในการเรียนรู้ครับ ถ้าเด็กมีความสุข เดี๋ยวเขาก็อยากเรียนรู้เองครับ