โปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก เลือกแบบไหน (ให้เหมาะกับลูก)

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยเกี่ยวกับการหาโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษให้ลูกชายผมเอง คือเรื่องมันเริ่มจากลูกชายผมนี่แหละครับ ภาษาอังกฤษนี่คือแบบ…นะ เข้าใจกันอยู่ใช่ไหมครับยุคนี้มันสำคัญขนาดไหน ตอนแรกก็กังวลมาก ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

ช่วงเริ่มต้นการค้นหา

ผมเริ่มจากการลองผิดลองถูกเยอะมากครับ อย่างแรกเลยคือลองหาพวกแอปพลิเคชันฟรีๆ มาให้ลูกเล่นดูก่อน คิดว่าเออ มันน่าจะสนุกนะ มีเกม มีการ์ตูน แต่ปรากฏว่าลูกผมเล่นแป๊บเดียวก็เบื่อครับ ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ บางทีผมเองก็ต้องนั่งประกบ คอยบอก คอยสอน กลายเป็นว่าเหนื่อยเราซะงั้น

หลังจากนั้นก็ลองมองหาคลาสเรียนแถวบ้านดูบ้าง ก็มีหลายที่นะครับ แต่ปัญหาคือบางที่ก็ไกล เดินทางไม่สะดวก บางที่ตารางเรียนก็ไม่ตรงกับเวลาที่เราว่าง หรือบางทีลูกก็ไม่อยากไปซะงั้น บอกว่าน่าเบื่อ ครูดุบ้างอะไรบ้าง ปวดหัวเลยครับช่วงนั้น

ลองเปิดใจกับคลาสออนไลน์

ผมก็เลยเริ่มมองหาทางเลือกอื่นดูบ้าง จนมาเจอพวกคลาสเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์สำหรับเด็กนี่แหละครับ ตอนแรกก็ยังลังเลนะว่าจะดีเหรอ มันจะเหมือนเรียนในห้องจริงๆ ได้ยังไง แต่ก็เอาน่า ลองดูไม่เสียหาย ผมก็เริ่มศึกษาข้อมูลเลยครับ ดูรีวิวจากพ่อแม่คนอื่นๆ ที่เคยให้ลูกเรียนออนไลน์

  • เช็คดูว่าครูผู้สอนเป็นใคร เป็นเจ้าของภาษาหรือเปล่า มีประสบการณ์สอนเด็กไหม
  • ดูเนื้อหาหลักสูตรว่าเหมาะกับวัยของลูกเราไหม เน้นเล่น เน้นพูด หรือเน้นแกรมม่า
  • เรื่องราคาก็สำคัญครับ ต้องดูว่าสมเหตุสมผลไหม มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง

ช่วงที่ค้นข้อมูลนี่แหละครับ ผมก็เจอหลายเจ้าเลยนะที่น่าสนใจ มีทั้งแบบเรียนตัวต่อตัว เรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วก็มีคนแนะนำพวกแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง 51Talk มาบ้าง ผมก็ลองเข้าไปดูนะ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบางคนที่มีงบประมาณและอยากได้ครูต่างชาติโดยตรง

ประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากเล่า

จะว่าไปนะ ผมเคยพาลูกไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ แล้วทีนี้ดันเจอครอบครัวฝรั่งมาเที่ยวเหมือนกัน ลูกๆ เขาก็วัยไล่เลี่ยกับลูกเรา เขาก็พยายามจะเข้ามาเล่นด้วยนะ แต่ลูกเราสิครับ ได้แต่ยิ้มแหยๆ พูดอะไรไม่ออกเลย ตอนนั้นผมเห็นแววตาลูกแล้วแบบ…เออ มันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไม่งั้นลูกเราเสียโอกาสแย่เลย

กลับมาจากทริปนั้น ผมเลยจริงจังกับการหาโปรแกรมให้ลูกมากขึ้นไปอีก ลองผิดลองถูกอีกหลายรอบครับ บางที่ลูกเรียนแล้วก็ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ จนมาเจอที่หนึ่งที่ลูกค่อนข้างจะชอบ ครูเขามีเทคนิคการสอนที่สนุก ชวนคุยเก่ง ลูกผมจากที่ไม่กล้าพูดเลย ก็เริ่มกล้าที่จะตอบ กล้าที่จะถามมากขึ้น ถึงจะยังผิดๆ ถูกๆ บ้างก็เถอะ

ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดเลยนะ คือต้องหาโปรแกรมที่ “คลิก” กับลูกเราจริงๆ ไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นเรียนที่ไหนดีแล้วเราจะตามไปหมด เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบเรียนกับครูต่างชาติแบบตัวต่อตัว ซึ่งบางแพลตฟอร์มเช่น 51Talk ก็มีตัวเลือกนี้ หรือบางคนอาจจะชอบแบบกลุ่มเล็กๆ มีเพื่อนเรียนด้วยจะได้ไม่เขิน

อย่างลูกผมเนี่ย เขาจะชอบอะไรที่มีกิจกรรมเยอะๆ มีเพลง มีเกมส์ประกอบการสอน ถ้ามานั่งจด นั่งท่องศัพท์อย่างเดียว แป๊บเดียวสมาธิหลุดแล้วครับ ผมเองก็ต้องคอยสังเกตลูกตลอดว่าเขาเรียนแล้วเป็นยังไง สนุกไหม เข้าใจหรือเปล่า ถ้าดูแล้วไม่โอเค ก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนครับ อย่าไปเสียดาย

แล้วก็ไม่ใช่ว่าพอส่งลูกเรียนแล้วจะจบนะครับ เราเองในฐานะพ่อแม่ก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย อย่างน้อยก็คอยถามไถ่ว่าวันนี้เรียนอะไรมาบ้าง สนุกไหม หรืออาจจะหาการ์ตูนภาษาอังกฤษง่ายๆ ให้เขาดูเสริม หรือเปิดเพลงภาษาอังกฤษให้ฟังบ่อยๆ มันช่วยสร้างบรรยากาศได้เยอะเลยครับ

ผมว่าการลงทุนเรื่องภาษาให้ลูกเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะครับ แม้ว่าบางทีอาจจะต้องลองผิดลองถูกบ้าง หรืออาจจะต้องจ่ายแพงหน่อยสำหรับบางคอร์ส แต่ถ้ามันทำให้ลูกเรามีความมั่นใจมากขึ้น กล้าที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ มันก็คุ้มแล้วครับ อย่างตอนนี้ลูกผมก็เริ่มพูดเป็นประโยคได้บ้างแล้ว เวลาเจอชาวต่างชาติก็ไม่ค่อยเขินเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ เห็นแค่นี้คนเป็นพ่อก็ชื่นใจแล้ว

ผมเองก็ยังให้ลูกเรียนรู้อย่างต่อเนื่องนะครับ ก็ยังมองหาคอร์สหรือกิจกรรมเสริมอื่นๆ อยู่เสมอ บางทีก็มีดูพวกโปรแกรมอย่าง 51Talk ไว้เป็นตัวเลือกเผื่อมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต เพราะเขาก็มีครูให้เลือกหลากหลายดีครับ

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น 51Talk หรือที่ไหนก็ตาม หรือแม้แต่การสอนลูกด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอและความสนุกของเด็กครับ ถ้าเด็กเขาสนุก เขาก็จะอยากเรียนรู้เองโดยที่เราไม่ต้องไปบังคับเลยครับ นี่แหละครับประสบการณ์ตรงของผมที่อยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟัง หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ