การสอนการออกเสียงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก (เทคนิคไหนเวิร์คสุด บอกเลย)

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ เลย เกี่ยวกับการสอนเด็กๆ ให้ออกเสียงภาษาอังกฤษให้มันเป๊ะขึ้น เรื่องนี้บอกเลยว่าตอนแรกลองผิดลองถูกมาเยอะเหมือนกันครับ กว่าจะจับจุดได้ก็เหงื่อตกไปหลายรอบ ฮ่าๆ

จุดเริ่มต้นและความมึนงง

คือตอนแรกเลยนะ ลูกผมนี่แหละตัวดีเลย เวลาพูดอังกฤษทีไร สำเนียงนี่แบบว่า… โอ้โห ไทยคำอังกฤษคำ แล้วเสียงก็เพี้ยนไปหมด ผมก็กังวลสิ กลัวว่าโตไปจะพูดแล้วฝรั่งงง หรือไม่ก็ไม่กล้าพูดไปเลย ผมก็เริ่มหาข้อมูลใหญ่เลย ดูคลิป อ่านบทความ ถามเพื่อนฝูงที่ลูกเขาเก่งอังกฤษกัน ก็ได้เทคนิคมาเยอะแยะไปหมด แต่พอเอามาลองใช้จริง เอ๊ะ! ทำไมมันไม่ค่อยเวิร์คกับลูกเราหว่า บางทีสอนไปลูกก็เบื่อ ทำหน้ายู่ใส่ก็มี

ลองผิดลองถูก จนเริ่มเห็นแสงสว่าง

ผมก็ไม่ยอมแพ้นะครับ ลองปรับเปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆ จนมาค้นพบว่าจริงๆ แล้วเด็กแต่ละคนก็มีวิธีเรียนรู้ที่ต่างกัน สิ่งสำคัญเลยคือต้องทำให้มัน “สนุก” อย่าไปเน้นแกรมม่าเป๊ะๆ หรือศัพท์ยากๆ ตั้งแต่แรก เอาเรื่องการออกเสียงให้มันใกล้เคียงก่อนดีกว่า ผมเริ่มจากอะไรง่ายๆ เลยครับ

  • เน้นฟังเยอะๆ: เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กให้ฟังบ่อยๆ การ์ตูนที่เป็นภาษาอังกฤษ (แบบมีซับไทยก็ได้ช่วงแรก) ให้เขาคุ้นเคยกับเสียง กับจังหวะการพูดของเจ้าของภาษาไปก่อน
  • เล่นเกมทายเสียง: เช่น ผมจะทำเสียงสัตว์เป็นภาษาอังกฤษ แล้วให้เขาทาย หรือออกเสียงคำศัพท์ง่ายๆ แล้วให้เขาลองออกเสียงตาม อันนี้เด็กๆ จะชอบมากเพราะมันเหมือนเล่นเกม
  • โฟนิกส์ (Phonics) ช่วยได้เยอะ: อันนี้สำคัญเลย! ผมเริ่มสอนเสียงของตัวอักษรแต่ละตัว เช่น A ออกเสียงยังไง B ออกเสียงยังไง พอเขาเริ่มจำเสียงได้ เวลาเจอคำใหม่ๆ เขาก็จะพยายามผสมเสียงเองได้บ้าง ถึงจะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ครับ ช่วงนั้นผมก็ดูพวกคลิปสอนโฟนิกส์เยอะเลย บางทีก็มีดูพวกสื่อการสอนของสถาบันสอนภาษาเด็กบ้าง อย่างของ 51Talk เขาก็มีตัวอย่างสื่อการสอนที่น่าสนใจให้เห็นภาพตามได้ง่าย
  • ใช้กระจกส่องปาก: เวลาสอนออกเสียงคำที่มันยากๆ หน่อย หรือเสียงที่ต้องใช้การวางลิ้นหรือรูปปากที่ถูกต้อง ผมจะให้ลูกส่องกระจกดูปากตัวเอง แล้วก็ดูปากผมเป็นตัวอย่าง ให้เขาเห็นภาพว่าต้องทำปากยังไง มันช่วยได้จริงๆ นะครับ
  • ชมเชยเมื่อทำได้ดี (แม้จะนิดเดียว): กำลังใจสำคัญมากครับ แค่เขาพยายามออกเสียงใกล้เคียงขึ้นนิดหน่อย ผมก็จะชมแล้ว เช่น “โอ้โห เก่งมากเลยลูก เสียงชัดขึ้นเยอะเลย!” เขาจะรู้สึกดีแล้วก็อยากจะพยายามอีก

สิ่งที่ค้นพบระหว่างทาง

ผมสังเกตว่าการสร้างสภาพแวดล้อมให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กดดันเรื่องภาษาอังกฤษนี่สำคัญมากจริงๆ ครับ อย่าไปดุหรือตำหนิเวลาเขาออกเสียงผิด แต่ให้แก้ไขอย่างใจเย็นและสนุกสนาน บางทีการหาตัวช่วยจากข้างนอกก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ อย่างการให้ลูกได้ลองเรียนกับคุณครูที่เป็นเจ้าของภาษาโดยตรง อย่างพวกคลาสเรียนออนไลน์สมัยนี้ก็มีเยอะ อย่างที่ 51Talk ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผมเคยศึกษาดูข้อมูลเหมือนกัน เพราะเขามีคุณครูต่างชาติที่เชี่ยวชาญการสอนเด็กโดยเฉพาะ ทำให้เด็กได้ฝึกฟังและโต้ตอบกับสำเนียงจริงๆ

อีกอย่างที่ผมว่าเวิร์คคือการเล่านิทานภาษาอังกฤษครับ ไม่ต้องยาวมากก็ได้ เอาเรื่องที่ศัพท์ไม่ยาก แล้วก็ใส่อารมณ์ในการเล่าเยอะๆ เน้นเสียงสูงเสียงต่ำให้เขาฟัง เขาจะเริ่มซึมซับสำเนียงและวิธีการออกเสียงไปเองโดยไม่รู้ตัวเลยครับ

ช่วงแรกๆ ที่ผมพยายามสอนเองทั้งหมด บางทีก็มีท้อบ้างนะ เพราะเราก็ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยตรง การหาแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม หรือการพิจารณาคอร์สเรียนที่มีคุณภาพก็เป็นเรื่องที่ผมเปิดใจ อย่างบางคนอาจจะมองหาคอร์สที่เน้นการสนทนาจริงจัง ซึ่งบางแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ก็มีจุดเด่นตรงนี้ คือให้เด็กได้คุยกับครูตัวต่อตัว ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น

ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็นผล

หลังจากที่ลองปรับเปลี่ยนวิธีสอนมาเรื่อยๆ ตอนนี้ลูกผมก็เริ่มออกเสียงภาษาอังกฤษได้ชัดเจนขึ้นเยอะเลยครับ อาจจะยังไม่เป๊ะเท่าเจ้าของภาษา แต่ความมั่นใจในการพูดของเขาเพิ่มขึ้นมาก กล้าที่จะพูด กล้าที่จะลองผิดลองถูก ผมว่าแค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้วล่ะครับ การสอนภาษาให้เด็กมันต้องใช้เวลาและความอดทนจริงๆ ครับ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ต้องคอยสังเกตแล้วก็ปรับเปลี่ยนไปตามลูกของเราเอง

หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ บ้างนะครับ ลองเอาไปปรับใช้กันดูได้เลยครับ สู้ๆ ครับ!