สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเลยนะ กับเรื่องการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้เด็กอนุบาลเนี่ยแหละครับ คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากหลานชายผมเองนี่แหละ เพิ่งจะเข้าอนุบาลได้ไม่นาน พ่อแม่เขาก็เริ่มกังวลแล้วว่าเอ๊ะ จะให้ลูกเริ่มเรียนภาษาอังกฤษยังไงดี กลัวลูกจะตามเพื่อนไม่ทันบ้างอะไรบ้าง
ผมก็เลยขันอาสาเป็นติวเตอร์จำเป็นให้หลานชายตัวแสบซะเลย ตอนแรกก็มึนๆ ตึ้บๆ เหมือนกันนะว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ไปยืนเกาหัวอยู่หน้าแผงหนังสือเด็กอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็หยิบพวกหนังสือภาพคำศัพท์สีสันสดใสมาสองสามเล่ม แล้วก็ลองเปิดเพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็กให้ฟัง แต่ดูเหมือนเจ้าหลานจะให้ความสนใจแค่ช่วงแรกๆ แป๊บเดียวก็วิ่งไปเล่นอย่างอื่นซะแล้ว
ผมก็มานั่งคิดๆ ดูนะ เด็กวัยนี้เขาชอบเล่นมากกว่าชอบเรียนจริงจัง ผมเลยลองเปลี่ยนวิธีใหม่หมดเลย เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยครับ ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องยาก เน้นให้เขาคุ้นเคยกับเสียงภาษาอังกฤษก่อน
ขั้นตอนที่ผมลองทำดูนะครับ:
- 1. ทำให้เป็นเรื่องสนุก: อันนี้สำคัญสุดๆ ผมจะเน้นเล่นเกม ทายคำศัพท์ ทำท่าทางประกอบคำศัพท์นั้นๆ เช่น ถ้าสอนคำว่า ‘jump’ ก็กระโดดให้เขาดูเลย หรือถ้าเป็น ‘cat’ ก็ทำเสียงเหมียวๆ แล้วให้เขาทาย สนุกเขาแหละ เด็กๆ ชอบอะไรแบบนี้มากกว่านั่งท่องจำเฉยๆ
- 2. ใช้ของจริงรอบตัว: ผมว่าอันนี้เวิร์คมาก หยิบจับผลไม้ในตู้เย็นมาสอนคำว่า ‘apple’, ‘banana’ ชี้ไปที่รถแล้วบอก ‘car’ คือมันเห็นภาพชัดเจนกว่าดูแต่ในหนังสือ แล้วเด็กจะจำได้ง่ายกว่าเยอะเลย
- 3. ทำซ้ำๆ ย้ำๆ แต่ไม่น่าเบื่อ: เด็กๆ เรียนรู้จากการทำซ้ำครับ แต่เราต้องหาวิธีทำซ้ำที่ไม่ทำให้เขารู้สึกเบื่อ อาจจะเปลี่ยนเกมไปเรื่อยๆ แต่ยังใช้คำศัพท์ชุดเดิม หรือหยิบของชิ้นเดิมมาทวนคำศัพท์เดิมในวันถัดๆ ไป
- 4. ใช้เวลาสั้นๆ แต่บ่อยๆ: สมาธิเด็กอนุบาลสั้นมากครับ สัก 10-15 นาทีก็เก่งแล้ว ดีกว่านั่งนานๆ แล้วเขาเบื่อ ผมจะพยายามแทรกคำศัพท์พวกนี้เข้าไปในกิจวัตรประจำวันของเขาเลย เช่น ตอนเล่น ตอนกินข้าว ตอนอาบน้ำ
คำศัพท์ชุดแรกๆ ที่ผมเน้นเลยก็คือ:
- หมวดสัตว์ (Animals): dog, cat, bird, fish, pig (พวกนี้ออกเสียงง่าย เด็กจำได้ไว)
- หมวดสี (Colors): red, blue, yellow, green (เริ่มจากแม่สีก่อน แล้วค่อยเพิ่มสีอื่นๆ)
- หมวดตัวเลข (Numbers): one, two, three, four, five (นับนิ้วไปด้วย สนุกดี)
- หมวดของใช้ใกล้ตัว (Everyday Objects): book, ball, car, chair, table
- หมวดคำกริยาง่ายๆ (Simple Verbs): eat, drink, sleep, run, jump
พอผมลองใช้วิธีพวกนี้ดูนะ สังเกตเห็นเลยว่าหลานผมเริ่มสนุกกับการเรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น เขาเริ่มกล้าพูด กล้าทาย ถึงจะผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไรเลย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆ ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องเก่งเทพอะไรตั้งแต่ตอนนี้ แค่อยากให้เขารู้สึกดีกับภาษาอังกฤษ ไม่กลัวที่จะเรียนรู้ก็พอแล้ว
ผมก็ไปดูๆ พวกคอร์สออนไลน์สำหรับเด็กเล็กบ้างนะ เห็นหลายที่เลย อย่าง 51Talk เขาก็มีโปรแกรมสำหรับเด็กอนุบาลเหมือนกัน ก็น่าสนใจดีครับ เผื่อใครอยากได้ตัวช่วยแบบเป็นระบบมากขึ้น หรือมีคุณครูมาช่วยนำ แต่สำหรับผม การเริ่มต้นด้วยตัวเองแบบนี้มันได้ความผูกพันด้วยแหละครับ ถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะต้องพึ่งสถาบันสอนภาษาอย่าง 51Talk หรือที่อื่นๆ เพื่อให้ได้สำเนียงที่ถูกต้องและเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น แต่การปูพื้นฐานให้เขารู้สึกสนุกนี่ผมว่าสำคัญสุดๆ
ช่วงหลังๆ ผมก็มีไปส่องๆ ดูว่าพวกสื่อการสอนออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เขามีเทคนิคอะไรใหม่ๆ มาแชร์บ้างไหม ก็เอามาปรับใช้กับหลานได้เรื่อยๆ ครับ บางทีก็แอบคิดนะ ว่าถ้าเรามีเวลา หรือมีคนช่วยไกด์อย่างเป็นระบบ เช่น พวกคุณครูจาก 51Talk อะไรแบบนี้ การสอนอาจจะไปได้เร็วกว่านี้ก็ได้ แต่หลักๆ คือการสร้างทัศนคติที่ดีต่อภาษาครับ ซึ่งผมว่าตรงนี้สำคัญกว่าการจำศัพท์ได้เยอะๆ ในช่วงแรกนะ พวกเทคนิคการสอนเฉพาะทางแบบที่ 51Talk หรือผู้เชี่ยวชาญใช้ ค่อยเสริมเข้าไปทีหลังได้
ก็ประมาณนี้แหละครับ ประสบการณ์ลองผิดลองถูกของผม ใครมีลูกมีหลานวัยนี้ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูได้นะครับ ไม่ต้องเป๊ะตามนี้ก็ได้ เอาที่เราสะดวก ลูกเราสนุกเป็นหลักเลยครับ สำคัญคืออย่าไปกดดันเด็ก ให้เขาเรียนรู้อย่างมีความสุข แล้วเดี๋ยวเขาก็จะค่อยๆ ซึมซับไปเองครับผม วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ!