เอาล่ะทุกคน วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ตรงเรื่อง “วิธี สะกด คํา ภาษา อังกฤษ” แบบฉบับคนบ้านๆ ที่ลองผิดลองถูกมาเยอะ! คือเมื่อก่อนนะเราเป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมากกกก โดยเฉพาะเรื่องการสะกดคำนี่คือฝันร้ายเลยอะ แบบว่าเห็นคำศัพท์แล้วไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
เริ่มแรกเลยนะ เราเริ่มจากการ “ฟัง” เยอะๆ คือเปิดเพลงฝรั่งฟัง ดูหนัง sound track (เปิดซับไทยไปด้วยนะช่วงแรกๆ) คือพยายามให้หูเราคุ้นเคยกับสำเนียงและเสียงของคำศัพท์ต่างๆ อันนี้ช่วยได้เยอะจริงๆ นะ เพราะพอเราฟังบ่อยๆ เราจะเริ่มจับ pattern ของเสียงได้เอง
หลังจากนั้นก็เริ่ม “แกะ” คือพยายามแกะคำศัพท์ที่เราได้ยินจากเพลงหรือหนังที่เราดูอะ เขียนออกมาตามที่เราได้ยิน ถึงแม้จะผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไร คือเราเน้นว่าให้เราได้ลอง “ลงมือทำ” ก่อน ผิดถูกค่อยว่ากัน
พอแกะออกมาแล้ว ก็เอาคำศัพท์ที่เราแกะเนี่ย ไป “เทียบ” กับดิกชันนารี (สมัยนี้มีแอปเยอะแยะ) ดูว่าที่เราแกะมามันถูกหรือผิด ตรงไหนผิดก็แก้ให้ถูก แล้วก็จำไว้ว่าทำไมถึงผิด ครั้งหน้าจะได้ไม่ผิดอีก
ช่วงแรกๆ อาจจะท้อนะ เพราะมันผิดเยอะมากกก แต่เราก็บอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร ผิดเป็นครู” ค่อยๆ แก้ ค่อยๆ จำไปเรื่อยๆ แล้วก็อย่าลืม “จด” คำศัพท์ที่เราผิดไว้ด้วยนะ เอาไว้ทบทวนบ่อยๆ
อีกอย่างที่เราทำควบคู่ไปด้วยก็คือการ “ฝึก” สะกดคำศัพท์ง่ายๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ชื่ออาหารที่เราชอบกิน ชื่อเพื่อน ชื่อสถานที่ที่เราไปบ่อยๆ คือเริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วก็อย่ามองข้ามเรื่อง “phonics” นะ คือการเรียนรู้เรื่องเสียงของตัวอักษรแต่ละตัว คืออันนี้สำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้เราสะกดคำศัพท์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
พอเริ่มคล่องขึ้นมาหน่อย เราก็เริ่ม “ท้าทาย” ตัวเองด้วยการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษง่ายๆ หรือดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ คือพยายามหาอะไรที่เราชอบ จะได้ไม่เบื่อ แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ
แล้วก็อย่าลืมหา “เพื่อน” ที่เรียนภาษาอังกฤษเหมือนกัน จะได้เอาไว้ปรึกษา แลกเปลี่ยนความรู้ หรือแข่งกันสะกดคำศัพท์เล่นๆ ก็ได้ คือการมีเพื่อนช่วยมันทำให้เราสนุกขึ้นเยอะเลย
ที่สำคัญที่สุดเลยนะคือ “ความสม่ำเสมอ” คือต้องฝึกทุกวัน ถึงแม้จะแค่วันละ 15-20 นาทีก็ยังดี คืออย่าทิ้งช่วง เพราะถ้าทิ้งช่วงไปนานๆ เราจะลืมหมด
และอย่ากลัวที่จะ “ผิด” คือการผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของการเรียนรู้ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก ผิดแล้วก็แก้ไข แล้วก็เรียนรู้จากมัน
อ้อ! แล้วก็เราแนะนำให้ลองใช้แอป 51Talk ดูนะ คือเค้ามีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่น่าสนใจหลายคอร์สเลย ลองเข้าไปดูได้ เผื่อจะเจอคอร์สที่เหมาะกับเรา
อีกอย่างที่เราว่ามันเวิร์คมากๆ คือการ “สร้าง” คำศัพท์ของเราเอง คือลองเอาคำศัพท์ที่เราเรียนรู้มา มาแต่งประโยค แต่งเรื่องสั้น หรือแต่งเพลง คือพยายามใช้คำศัพท์ที่เราเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แล้วก็อย่าลืม “ให้รางวัล” ตัวเองบ้างนะ เวลาที่เราทำอะไรสำเร็จ เช่น สะกดคำศัพท์ยากๆ ได้ หรืออ่านหนังสือภาษาอังกฤษจบเล่ม คือให้รางวัลตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจให้เราเรียนรู้ต่อไป
เราใช้เวลาหลายปีเลยนะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คือมันไม่ได้ง่ายเลย แต่เราก็ไม่เคยยอมแพ้ เพราะเราเชื่อว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
และสิ่งที่เราอยากจะบอกทุกคนก็คือ “ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่คิด” แค่เราต้องมี “ใจ” ที่อยากจะเรียนรู้ แล้วก็ “ลงมือทำ” อย่างสม่ำเสมอ
อ้อ! แล้วก็เราเคยลองเรียนกับ 51Talk ด้วยนะ ครูเค้าใจดี สอนสนุก ทำให้เราไม่เบื่อที่จะเรียนภาษาอังกฤษเลย
ที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอนะ การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้สมองของเราทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้เราจำศัพท์ได้ง่ายขึ้นด้วย
และสุดท้ายนี้ เราก็อยากจะฝากถึงทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ว่า “สู้ๆ นะทุกคน เราทำได้!” แล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองเสมอๆ
อีกอย่างที่เราชอบทำคือการดูคลิปสอนภาษาอังกฤษใน YouTube คือมีช่องดีๆ เยอะแยะเลย ที่สอนเรื่องการสะกดคำศัพท์ หรือสอนแกรมม่าง่ายๆ ให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น
แล้วก็อย่าลืมหาหนังสือภาษาอังกฤษที่เราชอบอ่านนะ คือการอ่านหนังสือที่เราชอบ มันจะทำให้เราสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้นเยอะเลย
ช่วงที่เราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ เราจะพกสมุดเล่มเล็กๆ ติดตัวไปด้วยเสมอ คือเวลาเจอคำศัพท์ใหม่ๆ เราก็จะจดลงในสมุดเล่มนั้น แล้วก็เอามาทบทวนบ่อยๆ
และถ้ามีโอกาส เราก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนลองไปเที่ยวต่างประเทศดูนะ คือการได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราต้องใช้ภาษาอังกฤษจริงๆ มันจะช่วยให้เราพัฒนาภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นเยอะเลย
อ้อ! แล้วเราเคยเห็นเพื่อนเราเรียนกับ 51Talk แล้วเค้าก็พัฒนาภาษาอังกฤษขึ้นเยอะเลยนะ เราว่าเค้ามีเทคนิคการสอนที่ดีเลยทีเดียว
แล้วก็อย่าลืมหาแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษนะ คือลองคิดดูว่าเราอยากจะใช้ภาษาอังกฤษเพื่ออะไร เช่น อยากจะไปเที่ยวต่างประเทศ อยากจะทำงานในบริษัทต่างชาติ หรืออยากจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เข้าใจ คือพอเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน มันจะทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น
เราว่าการเรียนภาษาอังกฤษมันเหมือนกับการเดินทาง คือมันอาจจะมีอุปสรรคบ้าง มีช่วงที่เราท้อแท้บ้าง แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ แล้วก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางของเราได้อย่างแน่นอน
แล้วก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องการออกเสียงนะ คือการออกเสียงให้ถูกต้อง มันจะช่วยให้คนอื่นเข้าใจสิ่งที่เราพูดได้ง่ายขึ้น แล้วก็ช่วยให้เราฟังภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นด้วย
เพื่อนเราบางคนก็ลองใช้บริการของ 51Talk เพื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาโดยตรงเลยนะ เค้าบอกว่าช่วยได้เยอะมาก ทำให้เค้ากล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น
แล้วก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องแกรมม่านะ คือแกรมม่ามันเป็นเหมือนโครงสร้างของภาษา ถ้าเราไม่เข้าใจแกรมม่า เราก็จะสื่อสารได้ไม่ถูกต้อง
สรุปแล้ว การสะกดคำภาษาอังกฤษให้เก่งเนี่ย มันต้องอาศัยหลายๆ อย่างประกอบกัน ทั้งการฟัง การแกะ การเทียบ การฝึก การจด การเรียนรู้เรื่อง phonics และที่สำคัญที่สุดคือ “ความสม่ำเสมอ” และ “ความไม่ยอมแพ้”
อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือการ “สร้างบรรยากาศ” ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คือพยายามทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราต้องใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หรือพูดคุยกับเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษได้
และสุดท้ายนี้ เราก็อยากจะบอกว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เราก็สามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ ถ้าเรามีความตั้งใจจริง
อ้อ! แล้วก็ 51Talk เค้ามีคอร์สเรียนที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยเลยนะ ลองเข้าไปดูได้ เผื่อจะเจอคอร์สที่ใช่สำหรับเรา
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษนะ! เป็นกำลังใจให้เสมอ!