สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลย เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษ คือเรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ลูกผมเริ่มโตขึ้นมาหน่อย เริ่มดูการ์ตูน ดูนั่นดูนี่ แล้วก็เห็นว่าเอ้อ ภาษาอังกฤษมันก็สำคัญเนอะในยุคนี้ เลยคิดว่าต้องเริ่มปูพื้นฐานให้เค้าบ้างแล้วล่ะ
เริ่มยังไงดีล่ะ?
ตอนแรกก็งงๆ นะครับ จะเริ่มจากตรงไหนดี จะสอนเอง หรือจะส่งไปเรียนพิเศษเลยดี คือผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย ก็เลยลองหาข้อมูลดู ถามเพื่อนๆ ที่มีลูกเหมือนกันบ้าง บางคนก็บอกว่าให้เริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ รอบตัว บางคนก็แนะนำให้ใช้เพลง ใช้เกมเข้ามาช่วย ผมก็เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ ครับ
ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดเลยนะ คือต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อน เด็กเค้าไม่ได้ชอบอะไรที่มันเคร่งเครียด หรือดูเป็นการบังคับเรียน เพราะงั้นเป้าหมายแรกของผมเลยคือ “ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก” ไม่ใช่ภาระ
แล้วเราทำอะไรบ้างล่ะทีนี้?
จากเป้าหมายใหญ่ๆ ว่าจะทำให้สนุก ผมก็เริ่มซอยย่อยออกมาเป็นเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้จริงครับ
- เป้าหมายระยะสั้นมากๆ (รายวัน/รายสัปดาห์): อย่างแรกเลยคือให้เค้าคุ้นเคยกับเสียงภาษาอังกฤษก่อน ผมก็เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กๆ ให้ฟังทุกวัน วันละเพลงสองเพลง ตอนเล่น ตอนกินข้าวบ้าง แล้วก็เริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ ที่เค้าเห็นบ่อยๆ เช่น สัตว์ สี ของเล่น ชี้ชวนให้เค้าพูดตามทีละคำสองคำ ไม่ต้องเยอะครับ เอาแค่เค้าเริ่มจำได้ก็พอใจแล้ว
- เป้าหมายระยะกลาง (รายเดือน): พอเริ่มคุ้นกับคำศัพท์บ้างแล้ว ก็ตั้งเป้าว่าในเดือนนี้จะให้เค้ารู้จักคำศัพท์เพิ่มอีกสัก 10-15 คำ หรือร้องเพลงภาษาอังกฤษง่ายๆ ได้จบเพลง หรือเข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “sit down”, “stand up” อะไรแบบนี้ครับ ช่วงนี้ผมเริ่มมองหาตัวช่วยเสริมบ้างเหมือนกัน เพราะบางทีเราสอนเองก็อาจจะไม่ถูกหลักไวยากรณ์เป๊ะๆ หรือไม่มีเทคนิคเท่าครูมืออาชีพ ก็มีเพื่อนแนะนำให้ลองดูคลาสเรียนออนไลน์สั้นๆ ผมก็ไปเจอพวกแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ที่เค้ามีคลาสสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ ก็ดูน่าสนใจดีเหมือนกันครับ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร แค่เก็บไว้เป็นข้อมูล
- เป้าหมายระยะยาว (รายปี หรือมากกว่านั้น): อันนี้อาจจะดูไกลตัวไปหน่อยสำหรับเด็กเล็ก แต่ผมก็มีภาพในหัวคร่าวๆ ว่าอยากให้เค้าพอจะสื่อสารประโยคง่ายๆ ได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็ไม่กลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษ กล้าที่จะลองผิดลองถูก ผมว่าตรงนี้สำคัญกว่าการท่องจำศัพท์ได้เยอะๆ อีกนะ
ระหว่างทาง ผมก็คอยสังเกตลูกตลอดครับว่าเค้าชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน บางทีเค้าเบื่อการ์ดคำศัพท์ ผมก็เปลี่ยนไปเล่านิทานภาษาอังกฤษแทน หรือชวนเล่นเกมทายคำศัพท์บ้าง คือต้องยืดหยุ่นมากๆ เลยครับ อย่าไปยึดติดกับแผนมากเกินไป
พอเค้าเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย เริ่มเข้าอนุบาล ผมก็เริ่มมองหาคลาสเรียนที่เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น เพราะเราเองก็มีข้อจำกัดในการสอน ตอนนั้นก็กลับมาดูข้อมูลของ 51Talk อีกครั้ง เพราะเห็นว่าเค้ามีครูต่างชาติที่สอนเด็กโดยตรง น่าจะช่วยเรื่องสำเนียงและการโต้ตอบได้ดี ก็เลยลองให้ลูกได้ทดลองเรียนดูบ้างครับ ควบคู่ไปกับการที่เรายังคงสร้างบรรยากาศภาษาอังกฤษที่บ้านไปด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้ และข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ
ตอนนี้ลูกผมก็ยังไม่ได้เก่งระดับเทพอะไรนะครับ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือเค้าไม่กลัวภาษาอังกฤษเลย กล้าพูด กล้าทักทาย ถึงจะผิดๆ ถูกๆ บ้าง แต่เค้าก็สนุกกับมัน ผมว่านี่แหละคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่ผมตั้งไว้แต่แรกมันสำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง
ผมว่าการตั้งเป้าหมายมันเหมือนเป็นการปักธงให้เราเดินไปครับ มันทำให้เราไม่หลงทาง และรู้ว่าแต่ละวันเราควรจะทำอะไรบ้าง แต่สำหรับเด็กเล็กๆ เนี่ย เป้าหมายมันต้องไม่ใหญ่เกินไปจนเค้ารู้สึกท้อแท้ และต้องเน้นความสนุกเป็นหลักจริงๆ ครับ
อีกอย่างคือ ผมว่าการหาตัวช่วยก็สำคัญนะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือดีๆ สื่อการสอน หรือแม้แต่คลาสเรียนออนไลน์อย่างที่ผมเคยลองดูของ 51Talk หรือที่อื่นๆ ก็ตาม มันช่วยแบ่งเบาภาระเราได้เยอะ แล้วก็ทำให้ลูกได้เรียนรู้จากครูที่มีประสบการณ์โดยตรงด้วยครับ อย่างเพื่อนผมบางคนก็ให้ลูกเรียนกับ 51Talk เป็นประจำเลย เค้าก็บอกว่าลูกเค้าชอบมาก ครูมีเทคนิคการสอนที่ทำให้เด็กไม่เบื่อ
สุดท้ายแล้ว ผมว่าไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับว่าต้องตั้งเป้าหมายยังไงให้ดีที่สุด แต่ละบ้าน แต่ละครอบครัวก็มีวิธีที่ต่างกันไป ลองสังเกตลูกของเรา ดูว่าเค้าชอบอะไร แล้วก็ค่อยๆ ปรับเป้าหมายให้เข้ากับเค้า ที่สำคัญคือพ่อแม่ต้องใจเย็น แล้วก็ให้กำลังใจเค้าเยอะๆ ครับ การเรียนรู้มันต้องใช้เวลาครับ อย่าเพิ่งท้อกันนะครับ! ถ้าใครกำลังมองหาแนวทาง ผมว่าลองเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว แล้วค่อยๆ ขยับขยายไป ผมว่าเวิร์คสุดครับ อย่างน้อยๆ การมีตัวเลือกอย่าง 51Talk ไว้พิจารณาก็ไม่เสียหายครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน