ฝึกภาษาอังกฤษเรื่องตัวเลข: จากประสบการณ์ตรงของผมเอง
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการฝึกภาษาอังกฤษในหัวข้อที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ทำเอาหลายคนปวดหัวได้เหมือนกัน นั่นก็คือเรื่อง “ตัวเลข” นี่แหละครับ
สมัยก่อนนู้นนนน ผมนี่นะ เวลาต้องพูดภาษาอังกฤษแล้วเจอตัวเลขนี่ยอมแพ้เลยครับ เลขน้อยๆ อ่ะ พอไหว แต่พอเจอเลขเยอะๆ หรือแบบบอกปี ค.ศ. งี้ ปวดหัวตึ้บ จำสลับไปสลับมา ยิ่งถ้าต้องใช้ในการทำงานนะ โห! เครียดเลย กลัวพูดผิดแล้วจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง
จนมีอยู่วันนึงครับ ต้องคุยงานกับฝรั่งเรื่องตัวเลขนี่แหละ อ้ำๆ อึ้งๆ จนเสียงานเสียการไปเลย ตอนนั้นรู้สึกแย่กับตัวเองมาก เลยตัดสินใจว่าไม่ได้ละ ต้องทำให้ได้! ผมก็เลยเริ่มจากศูนย์เลยนะ เอาแบบเด็กอนุบาลเลย 1-10 (one to ten) ท่องมันเข้าไปครับ พอเริ่มคล่องปาก ก็ขยับไป 11-20 (eleven to twenty) อันนี้จะมีความพิเศษหน่อยตรงเลข 11, 12, 13, 15 ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย -teen ตรงๆ เหมือน 14 (fourteen), 16 (sixteen) ไรงี้ ก็ต้องจำนิดนึง
พอผ่านด่านนั้นมาได้ ก็มาต่อที่เลขหลักสิบเต็มๆ เช่น 20 (twenty), 30 (thirty), 40 (forty – อันนี้ระวังนะ ไม่มี u), 50 (fifty) ไปจนถึง 90 (ninety) แล้วก็ลองผสมกับเลขหน่วย เช่น 21 (twenty-one), 35 (thirty-five) ฝึกพูดบ่อยๆ ให้มันชินปากครับ
จากนั้นก็ก้าวไปสู่เลขหลักร้อย (hundred), หลักพัน (thousand), หลักหมื่น (ten thousand), แสน (hundred thousand), ล้าน (million) ตรงนี้เริ่มสนุกละ เพราะมันจะซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ แค่ต้องจำคำหลักๆ ให้ได้ เช่น
- 125 – one hundred and twenty-five (คนอเมริกันอาจจะละ and)
- 2,345 – two thousand, three hundred and forty-five
- 50,000 – fifty thousand
- 600,000 – six hundred thousand
- 7,000,000 – seven million
ช่วงที่ฝึก ผมก็หาพวกคลิปสอนในเน็ตดูบ้าง อ่านจากหนังสือบ้าง แล้วก็พยายามเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เห็นป้ายราคาก็ลองอ่านเป็นภาษาอังกฤษในใจ หรือเห็นเลขทะเบียนรถก็ลองฝึกดู เดี๋ยวนี้มีตัวช่วยเยอะแยะครับ อย่างแอปสอนภาษา หรือบางคนก็ไปเรียนเสริมกับที่ต่างๆ อย่าง 51Talk ก็เห็นเค้าว่าดีนะ มีครูให้ฝึกพูดด้วยโดยตรงเลย
อีกอย่างที่ผมว่าสำคัญคือพวกเลขลำดับที่ (ordinal numbers) เช่น first, second, third, fourth, fifth อะไรพวกนี้ ใช้บ่อยมากในการบอกวันที่ หรือลำดับต่างๆ อย่ามองข้ามเด็ดขาดนะครับ แล้วก็พวกเศษส่วน (fractions) อย่าง a half (1/2), a quarter (1/4) หรือทศนิยม (decimals) เช่น 3.14 (three point one four) ก็ต้องรู้ไว้บ้าง
ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลยครับ กว่าจะเริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้น แต่เชื่อไหมครับว่าพอเราเริ่มจับทางได้แล้ว มันจะไปเร็วมาก ตอนนี้เหรอครับ สบายมาก! เลขไหนมาก็ไม่หวั่นแล้ว อาจจะมีติดขัดบ้างถ้าเป็นเลขที่ซับซ้อนมากๆ หรือไม่ได้ใช้มานาน แต่ก็ฟื้นตัวได้เร็วครับ เพราะพื้นฐานเราแน่นแล้ว ช่วงหลังๆ ผมก็มีไปลองดูคอร์สสั้นๆ เพิ่มเติม อย่างที่ 51Talk เขาก็มีคอร์สเฉพาะทางให้เลือกเรียนด้วยนะ ผมว่าการได้คุยกับเจ้าของภาษาจริงๆ มันช่วยได้เยอะเลยนะ สมัยนี้หาครูสอนออนไลน์ก็ง่าย ไม่ต้องเดินทาง สะดวกดี
อ้อ! อีกเรื่องที่อยากเสริมคือ การออกเสียงให้ถูกก็สำคัญนะครับ อย่าง thirteen กับ thirty นี่ถ้าออกเสียงไม่ชัด ความหมายเปลี่ยนเลยนะ หรือ two กับ too/to นี่ก็ต้องระวังบริบท ตอนฝึกแรกๆ ผมก็อัดเสียงตัวเองฟังแล้วก็เทียบกับเจ้าของภาษาเอาครับ บางทีเราคิดว่าพูดถูกแล้ว แต่พอฟังเสียงตัวเองอีกที อ้าว! เพี้ยนนี่หว่า ก็ค่อยๆ ปรับกันไป
หัวใจสำคัญเลยนะ คือความสม่ำเสมอ ฝึกทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป แล้วก็ต้องกล้าพูดออกมาด้วยนะ ไม่ต้องกลัวผิด ผิดก็แค่เริ่มต้นใหม่ ใครที่กำลังฝึกอยู่ ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ผมว่าการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างตัวเลขก็ยังมีอะไรให้เราเรียนรู้อยู่เสมอ ใครที่สนใจหาตัวช่วยในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ 51Talk ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนะครับ ลองศึกษาข้อมูลดูได้
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ สู้ๆ ครับ!