การสอนการอ่านภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ไม่ยากอย่างที่คิด (ทำตามนี้ลูกอ่านคล่อง)

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยนะครับ เกี่ยวกับการสอนเจ้าตัวเล็กที่บ้านให้อ่านภาษาอังกฤษได้ คือตอนแรกเนี่ย บอกตามตรงเลยว่ามืดแปดด้านมาก ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ลูกก็ยังเล็ก อ่านภาษาไทยยังไม่ค่อยจะคล่องเลย แล้วนี่จะให้ไปอ่านภาษาอังกฤษอีก!

ตอนแรกก็ลองผิดลองถูก

ช่วงแรกๆ ก็ซื้อหนังสือภาพสวยๆ มาเต็มบ้านเลยครับ คิดว่าให้เขาเห็นภาพเยอะๆ แล้วชี้คำศัพท์ให้ดูบ่อยๆ เดี๋ยวก็คงจำได้เองแหละมั้ง เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กให้ฟังทุกวันอีกต่างหาก แต่พอถึงเวลาจริงๆ จะให้เขาอ่านเป็นคำๆ เนี่ย โอ้โห… ยากกว่าที่คิดเยอะเลยครับ บางทีเขาก็ดูไม่สนใจเลย มองแป๊บๆ ก็หนีไปเล่นอย่างอื่นแล้ว ผมนี่ท้อไปหลายรอบเลย

จุดเปลี่ยน: รู้จักกับโฟนิกส์ (Phonics)

จนกระทั่งผมได้ไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วก็เจอว่าเออ… วิธีสอนอ่านแบบ “โฟนิกส์” นี่มันน่าสนใจนะ คือการสอนให้เด็กรู้จักเสียงของตัวอักษรแต่ละตัวก่อน (เช่น A ออกเสียง /แอ๊ะ/, B ออกเสียง /เบอะ/) แล้วค่อยสอนให้เอาเสียงเหล่านั้นมาผสมกันเป็นคำ วิธีนี้ดูมีหลักการดี ผมเลยตัดสินใจลองดูสักตั้ง

ผมเริ่มง่ายๆ เลยครับ

  • สอนเสียงตัวอักษร A-Z: ทีละตัวเลยครับ หาบัตรคำสวยๆ หรือเปิดคลิปในยูทูบที่มีเพลงสอนเสียงตัวอักษรให้เขาดู ให้เขาออกเสียงตาม แรกๆ ก็มีมั่วบ้าง ข้ามบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ เน้นสนุกเข้าไว้
  • เริ่มผสมเสียงเป็นคำสั้นๆ: พอเขาเริ่มจำเสียงตัวอักษรหลักๆ ได้บ้างแล้ว ผมก็เริ่มเอามาผสมเป็นคำง่ายๆ ที่มี 2-3 ตัวอักษร เช่น c-a-t (เคอะ-แอ๊ะ-เทอะ) เป็น cat, d-o-g (เดอะ-เอาะ-เกอะ) เป็น dog ตอนผสมเสียงนี่ต้องค่อยๆ ชี้ทีละตัว ออกเสียง แล้วลากเสียงรวมกันให้เขาฟังครับ
  • ฝึกซ้ำๆ ย้ำๆ: เด็กๆ ลืมง่ายครับ วันนี้จำได้ พรุ่งนี้อาจจะลืมแล้ว ก็ต้องทวนกันบ่อยๆ แต่พยายามทำให้ไม่น่าเบื่อ อาจจะเล่นเกมทายคำศัพท์จากเสียง หรือให้เขาลองชี้ตัวอักษรแล้วออกเสียงเอง

เพิ่มเติมด้วย Sight Words และนิทาน

นอกจากการสอนโฟนิกส์แล้ว ผมก็เสริมด้วย “Sight Words” หรือคำศัพท์ที่เจอบ่อยๆ แต่บางทีก็ไม่ได้ออกเสียงตามกฎโฟนิกส์เป๊ะๆ เช่น the, a, is, to, you คำพวกนี้ผมจะทำเป็นบัตรคำเล็กๆ แปะไว้ตามจุดต่างๆ ในบ้านที่เขาเห็นบ่อยๆ เช่น ประตูตู้เย็น ผนังห้องนอน ให้เขาคุ้นตาไปเอง

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือ “นิทานภาษาอังกฤษ” ครับ ผมจะเลือกเล่มที่ภาพสวยๆ ตัวหนังสือน้อยๆ ประโยคไม่ซับซ้อน อ่านให้เขาฟังทุกคืนก่อนนอน ชี้คำศัพท์ที่อ่านไปด้วย พอเขาเริ่มอ่านคำง่ายๆ ได้บ้าง ก็จะให้เขาลองอ่านเองทีละคำสองคำ ผิดถูกไม่ว่ากัน ขอแค่ให้เขากล้าลอง ช่วงนี้แหละที่เห็นพัฒนาการชัดเจนขึ้นมาก จากที่มองแต่ภาพ ตอนนี้เริ่มชี้คำแล้วพยายามออกเสียงตามได้บ้างแล้ว

บางครั้งผมก็มองหาตัวช่วยเสริมบ้างครับ เดี๋ยวนี้มีแอปพลิเคชันสอนภาษาสำหรับเด็กเยอะแยะเลย ที่ทำเป็นเกมสนุกๆ ช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี หรือบางคนถ้ามีงบประมาณหน่อย อาจจะลองดูคอร์สเรียนสั้นๆ จากสถาบันสอนภาษาสำหรับเด็ก อย่างเพื่อนผมบางคนก็แนะนำ 51Talk นะครับ เขาบอกว่ามีคุณครูต่างชาติช่วยสอน ทำให้เด็กได้ฝึกสำเนียงไปในตัวด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกและความถนัดของแต่ละบ้านเลยครับ ผมว่าไม่มีวิธีไหนถูกผิดตายตัว

ความอดทนและความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ

ต้องบอกเลยว่าการสอนเด็กอ่านหนังสือ โดยเฉพาะภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่เนี่ย ต้องใช้ความอดทนสูงมากครับ จะมีวันที่เขางอแง ไม่ให้ความร่วมมือ หรือเรียนรู้ได้ช้า ผมก็พยายามทำความเข้าใจ ไม่ดุ ไม่บังคับ ถ้าเขาดูเหนื่อยๆ หรือเบื่อ ก็พักก่อน วันหลังค่อยว่ากันใหม่ สิ่งสำคัญกว่าคือการทำให้เขารู้สึกว่าการอ่านเป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือถูกบังคับ

ผมพยายามทำให้เป็นกิจวัตรครับ อาจจะใช้เวลาแค่วันละ 15-20 นาที แต่ทำทุกวัน สม่ำเสมอ ดีกว่าอัดทีเดียวเยอะๆ แล้วเว้นไปนานๆ ผมเคยเห็นบางคนที่พาลูกไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่ต่างๆ อย่าง 51Talk ที่เขามีคลาสเรียนออนไลน์สั้นๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเรื่องความสม่ำเสมอได้ดี เพราะมีตารางเวลาชัดเจน และมีคนคอยกระตุ้น

ช่วงแรกๆ ก็อย่าไปคาดหวังเรื่องสำเนียงต้องเป๊ะเวอร์นะครับ เอาแค่ให้ออกเสียงได้ใกล้เคียง สื่อสารรู้เรื่องก็พอแล้ว ความมั่นใจในการอ่านสำคัญกว่า พอเขาอ่านคล่องขึ้น อ่านเยอะขึ้น เดี๋ยวสำเนียงก็จะค่อยๆ พัฒนาไปเองครับ หรือถ้าใครกังวลเรื่องนี้จริงๆ การมีโอกาสได้ฝึกกับเจ้าของภาษาโดยตรง อย่างการเรียนกับคุณครูในแพลตฟอร์มเช่น 51Talk ก็อาจจะช่วยได้เยอะเลยครับ

ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็น

จากตอนแรกที่อ่านไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว ตอนนี้เจ้าตัวเล็กที่บ้านก็เริ่มอ่านคำง่ายๆ ได้หลายคำแล้ว เริ่มผสมเสียงคำที่ไม่เคยเห็นได้บ้างแล้ว เห็นเขาพยายามสะกดคำในหนังสือนิทานเองแล้วอ่านออกมาได้นี่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ชื่นใจนะครับ ถึงจะยังกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง แต่มันคือพัฒนาการที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเลย

ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความรักและความเข้าใจ” จากพ่อแม่ครับ ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก สร้างบรรยากาศที่ดีในการอ่าน แล้วลูกของเราก็จะค่อยๆ รักการอ่านไปเองครับ ใครมีเทคนิคดีๆ หรือประสบการณ์อื่นๆ ก็เอามาแชร์กันได้นะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับผม!