สวัสดีทุกคน วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ตรงจากบันทึก icebank diary รีวิว palfish ของฉันเอง บอกเลยว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ลองผิดลองถูกมาเยอะมาก!
เริ่มแรกเลยคือเห็นเพื่อนๆ ในกลุ่มแม่ๆ ออนไลน์เขาคุยกันเรื่อง palfish ว่าเป็นแอปสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กที่น่าสนใจ ก็เลยลองเข้าไปส่องๆ ดู ตอนนั้นลูกชายคนเล็กเพิ่งจะเริ่มพูดได้ไม่กี่คำ ก็เลยคิดว่าเออ ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยก็ให้เขาคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษบ้าง
พอโหลดแอปมาปุ๊บ สิ่งแรกที่ทำคือลองเล่นฟังก์ชันต่างๆ ดูก่อนเลย พวกคอร์สเรียนฟรี บทเรียนแบบทดลอง แล้วก็เข้าไปดูรีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจ ตอนนั้นก็ยังลังเลๆ อยู่ว่าจะสมัครดีไหม เพราะราคาก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่พอคิดถึงอนาคตของลูกแล้ว ก็เลยตัดสินใจลองดูสักตั้ง
หลังจากสมัครสมาชิกแล้ว ก็เริ่มทำการบ้าน เลือกครูที่ใช่ให้ลูกชาย ตอนแรกก็งงๆ เพราะครูเยอะมาก แต่ก็อาศัยอ่านโปรไฟล์ ดูวิดีโอแนะนำตัว แล้วก็ดูรีวิวจากผู้ปกครองคนอื่นๆ จนมาเจอครูคนหนึ่งที่ดูใจดี แล้วก็มีประสบการณ์สอนเด็กเล็กเยอะ ก็เลยลองจองคลาสเรียนกับครูคนนี้ดู
พอถึงวันเรียนวันแรก ตื่นเต้นยิ่งกว่าลูกอีก! กลัวว่าลูกจะไม่ให้ความร่วมมือ กลัวว่าระบบจะมีปัญหา แต่พอเริ่มเรียนจริงๆ ปรากฏว่าลูกชายชอบมาก ครูเขามีเทคนิคในการสอนที่ทำให้ลูกชายสนุก แล้วก็มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนได้ดีมาก ตอนนั้นคือโล่งอกเลย
เรียนไปได้สักพัก ก็เริ่มเห็นพัฒนาการของลูกชายอย่างชัดเจน จากที่พูดได้แค่ไม่กี่คำ ตอนนี้เริ่มพูดเป็นประโยคได้แล้ว แถมยังกล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้นด้วย ตอนนั้นคือดีใจมาก รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือก palfish
นอกจากเรื่องพัฒนาการทางภาษาของลูกชายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจใน palfish คือเรื่องการบริการลูกค้า คือถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แล้วเขาก็แก้ไขปัญหาให้เราได้อย่างรวดเร็วทันใจ อันนี้คือดีงามมาก
แต่ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีนะ ข้อเสียของ palfish ก็มีเหมือนกัน อย่างเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง ก็เป็นอุปสรรคสำหรับหลายๆ ครอบครัว แล้วก็เรื่องตารางเรียนที่อาจจะไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าไหร่ ถ้าครูที่เราชอบตารางเต็ม ก็อาจจะต้องรอคิวนานหน่อย
แต่โดยรวมแล้ว palfish ก็ถือว่าเป็นแอปสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กที่น่าสนใจนะ ถ้าใครที่กำลังมองหาแอปดีๆ ที่ช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษของลูก แนะนำให้ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลของ palfish ดูก่อนได้
แล้วก็อยากจะแนะนำเพิ่มเติมว่า ก่อนที่จะตัดสินใจสมัคร palfish อยากให้ลองพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ก่อน:
งบประมาณ: palfish มีหลายแพ็กเกจให้เลือก ควรเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับงบประมาณของตัวเอง
ความสนใจของลูก: ควรสังเกตว่าลูกมีความสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษหรือไม่ ถ้าลูกไม่ชอบ ก็อาจจะทำให้การเรียนไม่มีประสิทธิภาพ
เวลา: ควรจัดสรรเวลาให้ลูกเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง
และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าคาดหวังว่า palfish จะทำให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษได้ในระยะเวลาอันสั้น การเรียนภาษาต้องใช้เวลาและความอดทน สิ่งสำคัญคือการสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและส่งเสริมให้ลูกรักในการเรียนรู้
ระหว่างที่ลูกเรียน palfish ฉันเองก็ได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกัน ตอนแรกก็เริ่มจากหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก แล้วก็ลองหาคอร์สเรียนออนไลน์สำหรับผู้ใหญ่เรียนดู จนมาเจอคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ 51Talk ที่น่าสนใจ ก็เลยลองสมัครเรียนดู ปรากฏว่าชอบมาก ครูสอนสนุก แล้วก็ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษจริงๆ จังๆ ด้วย
พอเรามีความรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ก็สามารถช่วยลูกในการเรียน palfish ได้ดีขึ้น อย่างเวลาที่ลูกไม่เข้าใจอะไร เราก็สามารถอธิบายให้ลูกฟังได้ หรือเวลาที่ลูกทำการบ้าน เราก็สามารถช่วยตรวจทานให้ลูกได้
นอกจากนี้ ฉันยังได้ลองใช้แอป 51Talk ในการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองด้วย เพราะแอปนี้มีฟังก์ชันที่ช่วยให้เราฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาได้ ทำให้เราได้ฝึกสำเนียง แล้วก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเจ้าของภาษาไปในตัว
การที่ฉันได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ทำให้ฉันเข้าใจความยากลำบากในการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น แล้วก็ทำให้ฉันเข้าใจลูกชายมากขึ้นด้วย ตอนนี้ฉันสามารถให้กำลังใจ แล้วก็สนับสนุนลูกชายในการเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างเต็มที่
และที่สำคัญที่สุดคือ ฉันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกชาย ลูกชายมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น แล้วก็มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากขึ้น ตอนนี้ลูกชายเริ่มชอบดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ แล้วก็เริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง
ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายมาก แล้วก็รู้สึกขอบคุณ palfish ที่ช่วยจุดประกายความสนใจในภาษาอังกฤษให้กับลูกชาย แล้วก็ขอบคุณ 51Talk ที่ช่วยให้ฉันมีความรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถสนับสนุนลูกชายได้อย่างเต็มที่
สุดท้ายนี้ อยากจะฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่กำลังมองหาวิธีพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับลูก อย่าท้อแท้ ถ้าลองวิธีหนึ่งแล้วไม่ได้ผล ก็ลองหาวิธีอื่นๆ ดู ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอวิธีที่ใช่สำหรับลูก แล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจลูกอยู่เสมอ เพราะกำลังใจจากพ่อแม่คือสิ่งสำคัญที่สุด
และถ้าใครที่สนใจอยากจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมด้วยตัวเอง ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลของ 51Talk ดูได้นะ อาจจะเจอคอร์สเรียนที่ใช่สำหรับคุณก็ได้
อ้อ! เกือบลืมบอกไป นอกจาก palfish แล้ว ตอนนี้ฉันก็ลองให้ลูกชายเรียนภาษาจีนกับอีกแอปหนึ่งด้วย ชื่อ LingoAce เพราะคิดว่าภาษาจีนก็สำคัญไม่แพ้ภาษาอังกฤษ แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะเวิร์คไหม ถ้าได้ผลยังไง จะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะ
หวังว่ารีวิว icebank diary รีวิว palfish ของฉันจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ถ้ามีคำถามอะไร ถามมาได้เลยนะ จะพยายามตอบให้หมดเท่าที่รู้เลย แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่กำลังพยายามพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับลูกๆ นะคะ สู้ๆ!
จริงๆแล้วแอบกระซิบว่าเคยลองให้ลูกเรียนกับ Cambly Kids ด้วยนะ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับลูกเท่าไหร่ เพราะครูส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ทำให้ลูกไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่ แต่ก็แล้วแต่เด็กแต่ละคนนะ บางคนอาจจะชอบก็ได้
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนภาษาคือความสม่ำเสมอและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น palfish, 51Talk หรือแอปอื่นๆ ก็เป็นแค่เครื่องมือช่วยในการเรียนรู้เท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเราเองต่างหาก
วันนี้ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า บ๊ายบาย!