เอาล่ะ มาแชร์ประสบการณ์ตรงเรื่องค่าเรียน Palfish กันหน่อย! เริ่มเลยนะ ตอนแรกก็สนใจอยากพัฒนาภาษาอังกฤษให้ลูก เพราะเห็นว่ายุคนี้มันสำคัญจริงๆ ก็เลยเริ่มหาข้อมูลคอร์สเรียนออนไลน์ต่างๆ
ก่อนอื่นเลย เสิร์ชหาข้อมูล Palfish ใน Google อ่านรีวิวเยอะมาก ทั้งดีและไม่ดี แต่ส่วนใหญ่ก็บอกว่าดีนะ สอนสนุก เด็กๆชอบ ก็เลยตัดสินใจลองดู คิดว่าไม่เสียหายอะไร
ขั้นตอนแรกก็คือเข้าไปในเว็บไซต์ Palfish แล้วก็สมัครสมาชิก กรอกข้อมูลต่างๆให้เรียบร้อย จากนั้นก็ต้องทำการทดสอบวัดระดับภาษาของลูกก่อน เพื่อที่จะได้จัดคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับระดับของลูก
พอวัดระดับเสร็จ ก็จะมีคอร์สเรียนต่างๆให้เลือกเยอะแยะไปหมด เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว! แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ของ Palfish คอยให้คำแนะนำดีมาก ช่วยเลือกคอร์สที่เหมาะกับลูกเราได้
พอเลือกคอร์สได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน! อันนี้แหละที่ต้องคิดหนักหน่อย เพราะค่าเรียน Palfish ก็ไม่ได้ถูกๆเลย แต่ก็คิดว่าเพื่อลูก ลงทุนหน่อยก็ไม่เป็นไร
ตอนนั้นที่เลือกจ่ายคือจ่ายเป็นคอร์สใหญ่เลย เพราะมันคุ้มค่ากว่าจ่ายเป็นคอร์สเล็กๆย่อยๆ แถมยังได้ส่วนลดด้วยนะ คุ้มสุดๆไปเลย!
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย ก็เริ่มเรียนได้เลย! ตอนแรกๆลูกก็ไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่ แต่คุณครูที่ Palfish ใจดีมาก สอนสนุก ชวนคุยเก่ง ทำให้ลูกกล้าพูดมากขึ้น
เรียนไปสักพัก ลูกเริ่มชอบภาษาอังกฤษมากขึ้น พูดเก่งขึ้น มั่นใจมากขึ้น เห็นพัฒนาการของลูกแล้วรู้สึกดีใจมาก คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปจริงๆ
แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกอย่างจะดีไปหมดนะ บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องตารางเรียนไม่ตรงกันบ้าง หรือบางทีครูที่สอนก็ไม่ถูกใจลูกบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าดีมาก
ที่สำคัญคือต้องหากิจกรรมเสริมอื่นๆให้ลูกทำด้วยนะ ไม่ใช่เรียน Palfish อย่างเดียว เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ จะช่วยให้ลูกพัฒนาภาษาอังกฤษได้เร็วยิ่งขึ้น
ส่วนตัวคิดว่า Palfish เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากพัฒนาภาษาอังกฤษให้ลูก แต่ก็ต้องพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายและความเหมาะสมของคอร์สเรียนกับลูกด้วยนะ
อ้อ! เกือบลืมบอกไป ตอนที่หาข้อมูลคอร์สเรียนออนไลน์ ก็เคยลองเข้าไปดูคอร์สของ 51Talk ด้วยนะ เห็นว่าราคาก็ไม่แพง แถมยังมีคอร์สให้เลือกเยอะเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เลือก Palfish เพราะรู้สึกว่าคอร์สเรียนของ Palfish เหมาะกับลูกมากกว่า
แต่จริงๆแล้ว 51Talk ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีนะ ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้เลย อาจจะเจอคอร์สที่ถูกใจก็ได้
และที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องมีวินัยในการเรียนนะ ถ้าเรียนๆหยุดๆ ก็จะไม่เห็นผลลัพธ์เท่าที่ควร ต้องพยายามให้ลูกเรียนอย่างสม่ำเสมอ
หวังว่าประสบการณ์ที่แชร์ไปจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะ ใครที่กำลังหาข้อมูลคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็ลองพิจารณา Palfish ดูนะ แต่ก็อย่าลืมเปรียบเทียบกับคอร์สอื่นๆด้วย
สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้ว่าการลงทุนเพื่อการศึกษาของลูก เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว เพราะความรู้จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต
อ้อ! อีกนิดนึง ตอนนั้นที่หาข้อมูล ก็เคยเห็นโฆษณาของ 51Talk บ่อยมาก รู้สึกว่าเขาก็ทำการตลาดเก่งนะ ทำให้คนรู้จักเยอะ
แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าสุดท้ายก็เลือก Palfish เพราะรู้สึกว่าตอบโจทย์มากกว่า แต่ 51Talk ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ลองเข้าไปดูได้เลย
และก็มีอีกแบรนด์ที่น่าสนใจนะ ชื่อว่า Engoo เห็นเพื่อนๆหลายคนก็เรียนอยู่เหมือนกัน บอกว่าครูสอนดี ราคาไม่แพง แต่ยังไม่เคยลองเรียนเองนะ
ยังไงก็ลองเปรียบเทียบข้อมูลดูหลายๆที่ก่อนตัดสินใจนะ จะได้เลือกคอร์สที่เหมาะกับลูกเรามากที่สุด
แถมให้อีกหน่อย ตอนนั้นที่ตัดสินใจเลือก Palfish ก็เพราะเห็นว่าเขามีครูเจ้าของภาษาเยอะ ทำให้ลูกได้ฝึกสำเนียงที่ถูกต้องตั้งแต่เด็ก
แต่จริงๆแล้วการเรียนกับครูที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาก็ไม่ได้แย่นะ ถ้าครูคนนั้นมีความสามารถในการสอนที่ดี ก็สามารถช่วยให้ลูกพัฒนาภาษาอังกฤษได้เหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเอาใจใส่ดูแลของพ่อแม่ ต้องคอยให้กำลังใจลูก คอยช่วยเหลือลูกในเรื่องต่างๆ จะช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษได้แน่นอน
สุดท้ายจริงๆแล้วนะ อยากจะบอกว่าตอนนั้นก็แอบลังเลระหว่าง Palfish กับ 51Talk อยู่เหมือนกัน เพราะ 51Talk ก็มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจมาก
แต่สุดท้ายก็เลือก Palfish เพราะรู้สึกว่าคอร์สเรียนของ Palfish มีความหลากหลายมากกว่า สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกได้มากกว่า
ยังไงก็ลองพิจารณาดูนะ ทั้ง Palfish, 51Talk และ Engoo ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เลือกที่เหมาะกับลูกเราที่สุดก็พอแล้ว
และที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมให้ลูกสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษนะ ถ้าลูกสนุกก็จะเรียนรู้ได้เร็วกว่า!