เอาล่ะ มาเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ตรงของฉันกันหน่อย วันนี้จะมาเจาะลึกกันว่า “Palfish คือบริษัทอะไร” แบบฉบับคนเคยใช้งานจริง!
เริ่มจากตอนแรกเลยนะ ฉันได้ยินชื่อเสียงของ Palfish มานานแล้วว่าเป็นแอปสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มเด็กๆ ที่จีน ตอนนั้นฉันกำลังมองหาช่องทางหารายได้เสริมจากการสอนภาษาอังกฤษอยู่พอดี ก็เลยตัดสินใจลองสมัครดู
ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรอย่างที่คิดนะ เริ่มจากดาวน์โหลดแอป Palfish มาก่อนเลย จากนั้นก็กรอกข้อมูลส่วนตัว สร้างโปรไฟล์ให้ดูน่าสนใจ อัดคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ แล้วก็รอทาง Palfish ติดต่อกลับมาเพื่อสัมภาษณ์
ระหว่างที่รอเนี่ย ฉันก็ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Palfish เพิ่มเติม พบว่า Palfish ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ที่ประเทศจีน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างแพลตฟอร์มการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เข้าถึงง่ายและสนุกสนานสำหรับเด็กๆ
หลังจากรอไม่นาน ทาง Palfish ก็ติดต่อกลับมาให้ฉันทำการสอน Demo เพื่อทดสอบความสามารถในการสอนของฉัน ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมากๆ แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ผลปรากฏว่าฉันผ่านการทดสอบและได้เข้าร่วมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษของ Palfish อย่างเป็นทางการ
ช่วงแรกๆ ที่สอนก็มีอุปสรรคบ้างนะ เพราะต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบการสอนของ Palfish และทำความเข้าใจความต้องการของนักเรียนแต่ละคน แต่พอสอนไปเรื่อยๆ ก็เริ่มจับทางได้ และรู้สึกสนุกกับการสอนมากขึ้น
สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ Palfish คือความยืดหยุ่นในการทำงาน เราสามารถเลือกเวลาสอนได้เอง ทำให้สามารถจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับตารางชีวิตของตัวเองได้ นอกจากนี้ ทาง Palfish ก็ยังมีทีมงานคอยให้การสนับสนุนและช่วยเหลือครูสอนอยู่เสมอ ทำให้รู้สึกอุ่นใจและมั่นใจในการทำงาน
ที่สำคัญคือ Palfish เปิดโอกาสให้เราได้พัฒนาทักษะการสอนของตัวเองอยู่เสมอ มีการจัดอบรมและให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อให้เราสามารถเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพได้
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เรื่องรายได้ จากการสอนกับ Palfish ฉันสามารถหารายได้เสริมได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้มากทีเดียว แต่ถ้าใครอยากหารายได้เสริมจากการสอนภาษาอังกฤษจริงๆ นอกจาก Palfish แล้ว ก็ยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มให้ลองพิจารณาดู อย่างเช่น 51Talk ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจนะ 51Talk เองก็มีชื่อเสียงในด้านการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์เหมือนกัน ลองศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบดูก่อนได้
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์มไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งในด้านความรู้ความสามารถในการสอน และความเข้าใจในระบบการทำงานของแพลตฟอร์มนั้นๆ
อ้อ! เกือบลืมบอกไป นอกจาก Palfish จะมีคอร์สเรียนสำหรับเด็กแล้ว ก็ยังมีคอร์สเรียนสำหรับผู้ใหญ่ด้วยนะ ใครที่สนใจอยากเรียนภาษาอังกฤษกับ Palfish ก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมในแอปได้เลย
สรุปแล้ว Palfish คือบริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักคือเด็กๆ ในประเทศจีน แต่ก็มีคอร์สเรียนสำหรับผู้ใหญ่ด้วย จุดเด่นของ Palfish คือความยืดหยุ่นในการทำงาน และการมีทีมงานคอยให้การสนับสนุนครูสอนอยู่เสมอ
สำหรับใครที่กำลังมองหาช่องทางหารายได้เสริมจากการสอนภาษาอังกฤษ หรือกำลังมองหาแพลตฟอร์มการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ Palfish ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ลองพิจารณาดูนะ
แต่ถ้าถามฉันว่าแพลตฟอร์มไหนดีที่สุด ฉันคงตอบไม่ได้ เพราะแต่ละแพลตฟอร์มก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือเราต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการและสไตล์การสอนของเรามากที่สุด
สุดท้ายนี้ ฉันขอฝากเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่อยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ ต้องมีความรักในการสอน มีความอดทน และพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
อ้อ! แล้วก็อย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองให้ดีด้วยนะ เพราะการเป็นครูสอนออนไลน์ต้องใช้พลังงานเยอะมากๆ ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองให้ดี ก็อาจจะ Burnout ได้ง่ายๆ
เอาล่ะ หวังว่าเรื่องราวและประสบการณ์ของฉันในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะ ถ้าใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถถามมาได้เลย ยินดีตอบทุกคำถามจ้า
และสำหรับใครที่สนใจอยากลองเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ หรืออยากลองเป็นครูสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Palfish และ 51Talk ดูนะ 51Talk ก็มีคอร์สที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย แถมยังมีโปรโมชั่นดีๆ เพียบ! ลองเข้าไปส่องๆ ดูได้เลย
สุดท้ายจริงๆ แล้ว ขอฝากไว้อีกนิดว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไร การมีความรู้ภาษาอังกฤษติดตัวไว้ จะช่วยเปิดโอกาสให้เราได้มากมาย
ดังนั้น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอนะ! เป็นกำลังใจให้ทุกคนจ้า!
ปล. ใครที่กำลังมองหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัว ลองดู 51Talk เป็นอีกทางเลือกนะ เผื่อจะเจอคอร์สที่ใช่และราคาที่ชอบ! ส่วนตัวแล้วเคยลองเรียนกับ51Talkนะ ก็ถือว่าโอเคเลย แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลจริงๆ ต้องลองเองถึงจะรู้!
