Palfish รีวิว Pantip: ข้อดี ข้อเสีย ที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจ!

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงที่ได้ลองเข้าไปคลุกคลีกับแอปสอนภาษาอังกฤษที่เห็นคนพูดถึงกันเยอะใน pantip อย่าง Palfish ดูบ้าง ว่ามันเป็นยังไง เวิร์คไม่เวิร์ค เผื่อใครกำลังสนใจอยู่จะได้มีข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจเนอะ

จุดเริ่มต้นความสนใจ Palfish

คือเรื่องมันเริ่มจากช่วงนั้นผมอยากให้ลูกได้ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาดูบ้าง แต่ด้วยความที่งานยุ่งทั้งคู่เลยไม่ค่อยมีเวลาพาไปเรียนข้างนอก ก็เลยเริ่มมองหาคลาสออนไลน์นี่แหละครับ แล้วก็ไปเจอคนรีวิว Palfish ใน pantip เยอะมาก บางคนก็บอกดี บางคนก็บอกเฉยๆ ไอ้เราก็ประเภทชอบลองของซะด้วยสิ เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ลองดูซักตั้ง!

ขั้นตอนการลองใช้งานจริง

ผมก็เริ่มจากโหลดแอป Palfish มาติดตั้งในแท็บเล็ตก่อนเลย หน้าตาแอปก็ดูใช้ง่ายนะ สีสันสดใสดี เด็กๆ น่าจะชอบ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร กรอกข้อมูลทั่วไป ตั้งรหัสผ่าน แป๊บเดียวก็เสร็จเรียบร้อย

พอเข้ามาในแอปได้ สิ่งแรกที่เห็นเลยคือมีคุณครูให้เลือกเยอะมากกกก มีทั้งครูเจ้าของภาษาจริงๆ (Native Speaker) แล้วก็ครูฟิลิปปินส์ ผมลองเลื่อนๆ ดูก่อนเลยครับ ดูโปรไฟล์ครูแต่ละคนว่ามีประสบการณ์สอนเด็กประมาณไหน สไตล์การสอนเป็นยังไง บางคนก็มีคลิปแนะนำตัวสั้นๆ ให้ดูด้วย

  • การเลือกครู: อันนี้ผมใช้เวลาพอสมควรเลยนะ เพราะครูเยอะจริง อยากได้คนที่ดูใจดี เข้ากับเด็กได้ง่าย
  • ประเภทคลาส: Palfish จะมีทั้งแบบเรียนตัวต่อตัว (1-on-1) แล้วก็มีแบบ Free Talk ที่เหมือนเข้าไปคุยเล่นๆ ฝึกภาษาเฉยๆ ราคาก็จะแตกต่างกันไป
  • การจองคลาส: ผมลองเลือกครูที่ดูโอเค แล้วก็ลองจองคลาสทดลองเรียนดูก่อน ซึ่งบางทีก็มีโปรโมชั่นสำหรับผู้ใช้ใหม่ด้วยนะ การจองก็ไม่ซับซ้อน เลือกวันเวลาที่สะดวก แล้วก็ยืนยันได้เลย

พอถึงเวลาเรียนจริง ลูกผมก็ตื่นเต้นนิดหน่อย ครูเขาก็พยายามชวนคุย ชวนเล่นเกม ใช้ภาพประกอบการสอน ทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อ เด็กก็กล้าพูดมากขึ้น เรื่องสำเนียง แน่นอนว่าถ้าเป็นครู Native ก็จะได้เปรียบตรงนี้ แต่ครูฟิลิปปินส์หลายคนก็สำเนียงดี สื่อสารชัดเจน และที่สำคัญคือค่าเรียนมักจะย่อมเยากว่า

ความรู้สึกหลังใช้งาน และข้อสังเกต

หลังจากได้ลองให้ลูกเรียนไปหลายครั้งกับครูหลายๆ คน ก็พอจะสรุปประสบการณ์ส่วนตัวได้ประมาณนี้ครับ

ข้อดีที่ชอบ:

  • ความสะดวกสบาย: อันนี้ชัดเจนมาก เรียนจากที่ไหนก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
  • ความยืดหยุ่น: เลือกครู เลือกเวลาเรียนได้เองค่อนข้างอิสระ
  • ครูหลากหลาย: มีตัวเลือกครูเยอะ ทำให้เราสามารถหาคนที่สไตล์การสอนเข้ากับลูกเราได้

ข้อสังเกตเพิ่มเติม:

  • คุณภาพครู: อันนี้ต้องบอกว่ามีหลากหลายจริงๆ ครับ บางคนดีมาก เตรียมการสอนมาดี แต่บางคนก็อาจจะยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าไหร่ ต้องใช้เวลาเลือกนิดนึง
  • ราคา: ถ้าเทียบกับครู Native Speaker ราคาต่อคลาสก็อาจจะสูงหน่อยสำหรับบางคน แต่ถ้าเป็นครูฟิลิปปินส์ราคาก็จะเข้าถึงง่ายขึ้นเยอะ
  • ระบบแอป: โดยรวมก็ใช้งานได้ดี แต่ก็มีบางครั้งที่เจอสัญญาณกระตุกบ้างเล็กน้อย อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับอินเทอร์เน็ตของเราด้วย

ช่วงที่ผมกำลังหาข้อมูลเรื่องเรียนออนไลน์นี่แหละครับ ก็มีเพื่อนแนะนำแพลตฟอร์มอื่นๆ มาเหมือนกัน อย่าง 51Talk ก็เป็นอีกชื่อที่ได้ยินบ่อยๆ เขาว่ากันว่า 51Talk ก็มีครูชาวฟิลิปปินส์เยอะเหมือนกัน แล้วก็มีระบบการเรียนการสอนที่เป็นหลักสูตรชัดเจน ซึ่งก็น่าสนใจดีครับ บางคนก็บอกว่า 51Talk มีสื่อการสอนที่ค่อนข้างครบครันสำหรับเด็กเล็ก อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่ผมว่าน่าเอามาพิจารณาเหมือนกันนะ เพราะการเรียนออนไลน์สำหรับเด็กเล็ก สื่อการสอนดึงดูดใจนี่สำคัญมากเลยทีเดียว เคยเห็นรีวิวผ่านๆ ว่า 51Talk ก็มีผู้ใช้งานในไทยเยอะพอสมควรเลยครับ และอีกอย่างที่หลายคนพูดถึงเกี่ยวกับ 51Talk คือเรื่องของความสม่ำเสมอในการเรียน เพราะเขามีระบบที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กเรียนอย่างต่อเนื่อง

สรุปส่งท้าย

โดยรวมแล้ว ประสบการณ์ของผมกับ Palfish ก็ถือว่าค่อนข้างโอเคนะครับ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับการให้เด็กๆ ได้ฝึกภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกครูและเวลาเรียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่าการจะบอกว่าดีหรือไม่ดีที่สุดเนี่ย มันขึ้นอยู่กับความคาดหวังและสไตล์การเรียนรู้ของแต่ละคนจริงๆ ครับ อย่างที่บอกว่ามีตัวเลือกอื่นๆ ในตลาดเช่นกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจก็อยากให้ลองศึกษาข้อมูลหลายๆ ที่ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียดู แล้วก็อาจจะลองทดลองเรียนดูก่อน เพื่อให้ได้สิ่งที่เหมาะสมกับลูกเรามากที่สุดครับ หวังว่ารีวิวบ้านๆ จากประสบการณ์ตรงของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลใน pantip หรือที่อื่นๆ อยู่นะครับ!