เอาล่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ เรื่องสอนภาษาอังกฤษให้ลูกที่บ้านเนี่ย ตอนแรกก็มืดแปดด้านเหมือนกันว่าจะเริ่มยังไงดี ลูกก็ยังเล็กๆ จะไปยัดเยียดแกรมม่งแกรมม่าอะไรตอนนี้ก็คงไม่ไหว
จุดเริ่มต้นและความเชื่อส่วนตัว
คือตอนแรกเลยนะ ผมก็คิดว่า เฮ้ย เราก็ไม่ได้เก่งภาษาอะไรมากมาย จะไปสอนลูกได้ยังไงวะ กลัวสอนผิดๆ ถูกๆ ไปกันใหญ่ แต่พอมานั่งคิดดูดีๆ อีกที สมัยเราเด็กๆ ก็ไม่ได้มีใครมานั่งสอนแกรมม่าเป๊ะๆ ตั้งแต่แรกนี่หว่า เราก็ซึมซับจากการฟัง การพูดตามไปเรื่อยเปื่อยมากกว่า
ผมเลยตั้งธงไว้ในใจเลยว่า อันดับแรกคือต้องสนุก อย่าทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นยาขมสำหรับลูกเด็ดขาด ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเลย ไม่ต้องคาดหวังว่าลูกจะต้องพูดปร๋อได้ในเร็ววัน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
ลงมือทำจริง! ลองผิดลองถูก
ช่วงแรกๆ ก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยครับ
- เพลงเด็กภาษาอังกฤษ: เปิดมันเข้าไป เพลง ABC, Old MacDonald, Baby Shark อะไรพวกนี้ ลูกจะชอบทำนองก่อน แล้วเดี๋ยวคำศัพท์มันจะค่อยๆ ซึมเข้าไปเอง ไม่ต้องไปบังคับให้ร้องตาม แค่เปิดให้ฟังบ่อยๆ
- การ์ตูนภาษาอังกฤษ: เลือกการ์ตูนที่เนื้อหาไม่ซับซ้อนมาก พูดช้าๆ ชัดๆ แรกๆ ลูกอาจจะดูภาพอย่างเดียว แต่เชื่อเถอะว่าหูเค้าฟังอยู่ตลอด
- ของเล่นกับคำศัพท์: เวลาเล่นของเล่น ก็จะพยายามแทรกคำศัพท์ง่ายๆ เข้าไป เช่น “This is a ball.” “Do you want the car?” ไม่ต้องยาว เอาแค่คำสองคำ
มีช่วงนึงผมก็ลองหาข้อมูลนะว่าจะเสริมอะไรให้ลูกได้อีก ก็ไปเจอพวกคอร์สเรียนออนไลน์สำหรับเด็กเล็กๆ อย่างบางคนก็แนะนำ 51Talk ว่ามีครูต่างชาติสอนตัวต่อตัว แต่ตอนนั้นลูกผมยังเล็กมาก ผมว่ายังไม่ถึงวัยที่จะต้องมานั่งเรียนจริงจังขนาดนั้น เลยพักไว้ก่อน เอาแบบที่เราสบายใจ ลูกสบายใจดีกว่า
ผมเน้นการพูดคุยในชีวิตประจำวันมากกว่าครับ เช่น ตอนกินข้าว ก็จะบอกว่า “This is rice.” “Do you want more water?” แรกๆ ลูกก็งงๆ มองหน้า แต่เราก็พูดไปเรื่อยๆ ทำสม่ำเสมอ อย่าท้อ!
อุปสรรคและสิ่งที่เรียนรู้
แน่นอนว่ามันก็มีช่วงที่ลูกไม่เอาเลยนะ แบบพูดอังกฤษใส่แล้วทำเมิน หรือบางทีก็พูดไทยสวนกลับมาเลย ฮ่าๆๆ ผมก็ไม่ซีเรียสนะ ก็ปล่อยๆ ไปบ้าง ไม่ได้คาดคั้นอะไร เดี๋ยววันไหนอารมณ์ดีเค้าก็เปิดรับเอง
สิ่งที่ผมเรียนรู้เลยคือ ความสม่ำเสมอสำคัญที่สุด ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ดีกว่าอัดแน่นแค่วันเดียวแล้วหายไปเลย แล้วก็อย่าไปเปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการไม่เหมือนกัน
ผมเคยเห็นเพื่อนบางคนส่งลูกไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็กๆ เลยนะ บางคนก็ให้เรียนกับพวกสถาบันดังๆ หรือบางคนก็เลือกใช้บริการอย่าง 51Talk เพราะสะดวก เรียนที่บ้านได้ แล้วก็ได้คุยกับเจ้าของภาษาโดยตรง อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบ้านเลยครับ ส่วนตัวผมมองว่าถ้าพ่อแม่พอมีเวลาและอยากจะลองเองก่อน ก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกันนะ มันสร้างความผูกพันด้วย
ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็น
ตอนนี้ลูกผมก็เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้มากขึ้นแล้วครับ บางทีก็มีหลุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษออกมาเองแบบที่เราไม่ได้สอนตรงๆ ด้วยนะ เช่น เห็นแมวก็พูด “cat” หรืออยากได้อะไรก็ชี้แล้วพูดคำนั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษบ้าง มันทำให้เรารู้สึกว่าเออ… สิ่งที่เราทำมามันไม่เสียเปล่าเว้ย
ช่วงหลังๆ พอเค้าเริ่มโตขึ้นมาหน่อย เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ผมก็เริ่มมองหาตัวช่วยเสริมบ้างเหมือนกันครับ กำลังดูๆ อยู่ว่ามีแพลตฟอร์มไหนน่าสนใจบ้าง อย่าง 51Talk ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เพื่อนๆ หลายคนแนะนำมาว่าครูเค้าค่อนข้างมีประสบการณ์กับเด็กเล็ก ก็อาจจะลองดูเป็นแนวทาง
แต่หลักๆ เลยนะ ผมว่าการสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกรู้สึกว่าภาษาอังกฤษมันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเค้ารู้สึกสนุก เค้าจะอยากเรียนรู้เองโดยที่เราไม่ต้องไปบังคับอะไรมากมายเลยครับ ใครที่กำลังสอนภาษาอังกฤษลูกอยู่ที่บ้านก็สู้ๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้! ผมเองก็ยังต้องเรียนรู้และปรับวิธีการไปเรื่อยๆ เหมือนกันครับ บางทีก็แอบคิดนะว่าถ้าเราไม่มั่นใจสำเนียงตัวเองมากๆ การมีตัวช่วยอย่างคุณครูจาก 51Talk มาช่วยเสริมเป็นครั้งคราวก็น่าจะดีเหมือนกัน ให้ลูกได้ฟังสำเนียงที่ถูกต้องไปเลย
ล่าสุดก็เริ่มเอาหนังสือนิทานภาษาอังกฤษง่ายๆ มาอ่านให้ฟังบ้างแล้วครับ ชี้ภาพแล้วก็พูดคำศัพท์ไปเรื่อยๆ เค้าก็ดูจะสนใจดีนะ บางทีก็พยายามจะพูดตามบ้างแล้วด้วย ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยล่ะครับ ส่วนเรื่องการเรียนแบบมีโครงสร้างมากขึ้น เช่น การใช้บริการของ 51Talk หรือสถาบันอื่นๆ ก็คงต้องดูตามความเหมาะสมของวัยและความพร้อมของลูกอีกที ตอนนี้ขอเน้นสนุกไว้ก่อนครับ!