engoo english ดีไหมสำหรับคนทำงาน เรียนออนไลน์สะดวก เลือกเวลาเองได้

51Talk ทดลองใช้งานฟรี

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ลองผิดลองถูกกับการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ของผมเองครับ คือเรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ภาษาอังกฤษเนี่ยมันจำเป็นจริงๆ ในยุคนี้เลยนะ จะทำงาน จะเที่ยว หรือแม้แต่จะเสพคอนเทนต์บันเทิงต่างๆ ถ้าไม่ได้ภาษานี่เหมือนชีวิตมันติดขัดไปหมดเลย ผมเองก็เป็นคนนึงที่รู้สึกว่า เฮ้ย ไม่ได้ละ ต้องอัปสกิลภาษาอังกฤษตัวเองซะหน่อย

ตอนนั้นก็เริ่มหาข้อมูลเลยครับว่าจะเรียนที่ไหนดี เพราะเอาจริงๆ ก็ไม่ได้อยากไปนั่งเรียนเป็นคลาสใหญ่ๆ ตามสถาบันแล้ว รู้สึกว่ามันเสียเวลาเดินทาง แล้วก็ไม่รู้จะได้พูดจริงๆ สักกี่คำ ก็เลยมองหาพวกคอร์สออนไลน์เป็นหลัก แล้วก็ไปเจอเข้ากับ Engoo นี่แหละครับ เห็นคนพูดถึงเยอะพอสมควร รีวิวก็มีทั้งดีทั้งปานกลาง ก็เลยอ่ะ ลองดูซักตั้งวะ!

ก่อนจะตัดสินใจเลือก Engoo นี่ ผมก็มองๆ ดูหลายที่นะ อย่างเพื่อนบางคนก็แนะนำให้ลองดูพวกคอร์สที่เน้นครู Native Speaker โดยตรงเลย หรือบางคนก็ไปเรียนกับพวกแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ซึ่งเขาก็มีจุดเด่นต่างกันไป แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่า Engoo มันดูเข้าถึงง่ายดี ราคาไม่แรงมาก แล้วก็ดูยืดหยุ่นเรื่องเวลา ก็เลยตัดสินใจลองเจ้านี้ก่อน

เริ่มแรกกับ Engoo และคลาสแรกสุดเกร็ง

การสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรครับ กรอกข้อมูลนู่นนี่นั่น แป๊บเดียวก็เรียบร้อย จ่ายเงินเสร็จก็พร้อมลุยเลย จำได้ว่าคลาสแรกนี่ตื่นเต้นมาก มือเย็นเฉียบ (ฮ่าๆ) กลัวพูดผิดพูดถูกไปหมด ครูคนแรกที่ผมเลือกเป็นชาวฟิลิปปินส์ครับ พูดภาษาอังกฤษชัดเจนดีนะ แต่สำเนียงก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของเขาหน่อย ช่วงแรกๆ ก็ต้องปรับหูพอสมควรเลยล่ะ

ครูเขาก็พยายามชวนคุยนะ แต่เรานี่สิ เกร็งจนแทบจะพูดไม่ออก ได้แต่ Yes No Okay เป็นส่วนใหญ่ แต่พอจบคลาสก็รู้สึกว่า เออ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนี่หว่า อย่างน้อยก็ได้ลองพูดจริงๆ ล่ะวะ

ประสบการณ์เรียนจริงจังกับครูหลากหลายชาติ

พอเริ่มชินกับการเรียนออนไลน์แล้ว ก็เริ่มสนุกกับการเลือกครูครับ ที่ Engoo นี่มีครูให้เลือกเยอะมากจริงๆ มีทั้งจากฟิลิปปินส์ เซอร์เบีย บอสเนีย หรือบางทีก็มีจากประเทศอื่นๆ ในยุโรปบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอบ่อยๆ และเลือกบ่อยๆ ก็จะเป็นครูจากฟิลิปปินส์กับเซอร์เบีย

คุณภาพครูนี่บอกตามตรงว่าแล้วแต่ดวงจริงๆ ครับ บางคนสอนดีมากกกก ชวนคุยเก่ง แก้ไขข้อผิดพลาดให้เราตลอด ทำให้เรารู้สึกอยากเรียนด้วย แต่บางคนก็อาจจะดูเนือยๆ หน่อย สอนไปตามสคริปต์ หรือบางทีเน็ตครูก็ไม่ค่อยจะดี ทำให้การเรียนมันติดๆ ขัดๆ ไปบ้าง อันนี้ต้องทำใจแล้วก็พยายามเลือกครูจากรีวิวดีๆ หน่อย

เรื่องบทเรียน เขาก็มีให้เลือกหลากหลายหมวดหมู่นะครับ ทั้งเรื่องทั่วไป ข่าว บทสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือจะเลือกเป็น Free Talk คุยเรื่องอะไรก็ได้ที่เราสนใจ ส่วนตัวผมหลังๆ จะเน้น Free Talk มากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันได้ฝึกคิด ฝึกพูดจริงๆ จังๆ ดี แต่ถ้าใครอยากได้แบบมีโครงสร้าง บทเรียนของเขาก็ถือว่าโอเคในระดับนึงครับ

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของ Engoo คือความยืดหยุ่นในการจองคลาส คือเราสามารถจองล่วงหน้าได้ หรือจะจองแบบกระชั้นชิดก่อนเรียนไม่กี่นาทีก็ได้ถ้ามีครูว่าง ทำให้สะดวกกับคนที่ไม่ค่อยมีตารางเวลาที่แน่นอนอย่างผมมากๆ นึกอยากจะเรียนตอนไหนก็กดเข้าไปดู ถ้ามีครูว่างก็จองได้เลย 24 ชั่วโมงจริงๆ

ข้อดี ข้อเสีย ในมุมมองของผม

ถ้าให้สรุปจากประสบการณ์ที่เรียนมาซักพักใหญ่ๆ นะครับ ผมว่า Engoo มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียนะ

  • ข้อดี:
    • ความสะดวกสบาย ยืดหยุ่นเรื่องเวลามากๆ
    • ได้ฝึกพูดเยอะจริงๆ เพราะเป็นคลาสตัวต่อตัว
    • ราคาค่อนข้างเป็นมิตร เมื่อเทียบกับการเรียนตัวต่อตัวแบบอื่นๆ
    • มีครูให้เลือกเยอะมาก ทำให้เรามีโอกาสได้เจอสำเนียงที่หลากหลาย
  • ข้อเสีย:
    • คุณภาพครูไม่ค่อยสม่ำเสมอ ต้องใช้เวลาเลือกและลองผิดลองถูก
    • บางครั้งเจอปัญหาเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งครู
    • ต้องมีวินัยและความกระตือรือร้นสูงมาก เพราะไม่มีใครมาบังคับเรา
    • ถ้าคาดหวังครู Native Speaker แท้ๆ อาจจะมีตัวเลือกไม่เยอะเท่าแพลตฟอร์มอื่น บางคนอาจจะมองว่าแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk อาจจะมีจุดเด่นตรงนี้มากกว่าถ้าใครซีเรียสเรื่องครูเจ้าของภาษาโดยตรง

ผมว่าการเรียนภาษาไม่ว่าจะที่ไหน มันก็ต้องอาศัยความพยายามของเราเป็นหลักแหละครับ Engoo ก็เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้เราได้ฝึกฝน แต่ถ้าเราไม่ขยัน ไม่ทบทวน มันก็คงไม่เห็นผลเท่าไหร่

แล้วมันเวิร์คไหม? ได้อะไรบ้าง?

ถามว่าเรียนแล้วได้อะไรบ้าง? สำหรับผมนะ อย่างแรกเลยคือ “ความกล้า” ครับ กล้าที่จะพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น จากที่เคยกลัวว่าจะพูดผิดไวยากรณ์ พูดแล้วคนอื่นไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็คือพูดไปก่อนเลย ผิดถูกยังไงครูเขาก็ช่วยแก้ให้ ทำให้เราไม่เกร็งเหมือนเมื่อก่อน สกิลการฟังก็ดีขึ้นด้วยนะ เวลาดูหนังหรือฟังเพลงภาษาอังกฤษก็เริ่มจับใจความได้มากขึ้น ไม่ต้องคอยจ้องซับไตเติ้ลตลอดเวลาแล้ว

แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้ผมเก่งภาษาอังกฤษปร๋อขึ้นมาในทันทีทันใด แต่มันช่วยให้ผมคุ้นเคยกับการใช้ภาษามากขึ้น และมองเห็นจุดที่ตัวเองต้องพัฒนาต่อไป ซึ่งผมว่านี่แหละคือสิ่งที่สำคัญ

จริงๆ แล้วการเรียนภาษามันมีหลายช่องทางมากเลยนะเพื่อนๆ บางคนอาจจะชอบเรียนกับ 51Talk เพราะเขามีคอร์สสำหรับเด็ก หรือมีระบบที่แตกต่างออกไป บางคนอาจจะชอบเรียนกลุ่มเล็กๆ หรือบางคนอาจจะชอบเรียนด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ มันไม่มีอะไรถูกอะไรผิดหรอกครับ อยู่ที่ว่าแบบไหนมันเหมาะกับจริตและเป้าหมายของเรามากกว่า

ส่งท้ายสักหน่อย

โดยรวมแล้ว ผมว่า Engoo ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะครับสำหรับคนที่อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษเยอะๆ ในราคาที่พอรับได้ และมีวินัยในการเรียนด้วยตัวเองสูง ถ้าใครกำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์อยู่ ก็ลองเก็บ Engoo ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการพิจารณาดูครับ แต่อย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเลือกเรียนที่ไหน การเลือกครูที่เข้ากับเราได้ก็สำคัญมากๆ อาจจะต้องเสียเวลาลองเรียนกับครูหลายๆ คนหน่อยกว่าจะเจอคนที่ “คลิก” จริงๆ

สุดท้ายนี้ ผมว่าไม่ว่าจะเรียนกับ Engoo หรือแม้แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง 51Talk หรือสถาบันสอนภาษาทั่วไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ตัวเราเอง” นี่แหละครับ ต้องมีความตั้งใจจริง ขยันฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าภาษาอังกฤษของเพื่อนๆ ต้องพัฒนาขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ! สู้ๆ ครับทุกคน!