สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองเลย กับการตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว หลังจากที่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษของตัวเองนี่มันง่อยเปลี้ยเสียขาเหลือเกิน จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด
จุดเริ่มต้นและความจำเป็น
คือเรื่องของเรื่องเนี่ย มันเริ่มจากงานที่ทำนี่แหละครับ หลังๆ มานี้ต้องติดต่อกับต่างชาติบ้างนิดหน่อย แต่ทุกครั้งที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษนี่เหงื่อแตกพลั่กๆ เลยครับ พูดก็ไม่คล่อง ฟังก็ไม่ค่อยจะทันศัพท์แสงเทคนิคอะไรก็ไม่รู้เรื่องเลย แล้วยิ่งเวลาอยากจะดูหนังฟังเพลงสากลแบบไม่ต้องพึ่งซับไทย หรืออยากจะไปเที่ยวต่างประเทศแบบลุยๆ เองคนเดียวนะครับ โห… ความฝันเลยล่ะครับตอนนั้น
ลองผิดลองถูกมาหลายทาง
ก่อนจะมาลงเอยที่การเรียนตัวต่อตัวเนี่ย ผมก็ลองมาหลายอย่างนะ ทั้งซื้อหนังสือมาอ่านเอง โหลดแอปพลิเคชันมาฝึกพูด แต่ก็นั่นแหละครับ มันเหมือนขาดคนคอยชี้แนะ ขาดคนที่เราจะคุยโต้ตอบด้วยจริงๆ จังๆ เคยลองไปเรียนเป็นคอร์สกลุ่มๆ นะครับ คนก็เยอะ ครูเขาก็พยายามดูแลให้ทั่วถึงแหละ แต่บางทีเรามีคำถามเฉพาะจุด หรืออยากจะเน้นเรื่องที่เราอ่อนจริงๆ มันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แล้วบางทีก็อายเพื่อนร่วมคลาสด้วย ไม่กล้าถามเยอะ กลัวเขาจะมองว่าเราไม่เก่ง (ซึ่งก็ไม่เก่งจริงๆ นั่นแหละ ฮ่าๆ)
ตัดสินใจเรียนตัวต่อตัว
สุดท้ายเลยมานั่งคิดดูว่า เอ๊ะ… หรือเราจะลองแบบตัวต่อตัวดีนะ มันน่าจะตอบโจทย์เราได้มากกว่า ก็เลยเริ่มหาข้อมูลเลยครับ เปิดเน็ตดูว่ามีที่ไหนสอนบ้าง มีครูแบบไหน ราคาเป็นยังไง ช่วงนั้นก็ดูไว้หลายที่เลยครับ มีทั้งแบบสอนสดเจอหน้ากันเลย กับแบบออนไลน์ ซึ่งแบบออนไลน์นี่สะดวกเรามาก เพราะไม่ต้องเดินทาง
ตอนหาข้อมูลก็เจอหลายเจ้าเลยครับ บางเจ้าก็เน้นครูเจ้าของภาษาเลย บางเจ้าก็มีครูฟิลิปปินส์ที่เก่งๆ ก็เยอะ อย่างเพื่อนผมบางคนก็แนะนำให้ลองดูพวกแพลตฟอร์มออนไลน์ เห็นมี 51Talk ที่คนพูดถึงเยอะเหมือนกันว่ามีครูให้เลือกหลากหลายดี แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันทีนะครับ ก็ดูเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ ก่อน
ประสบการณ์การเรียนจริงจัง
พอเลือกได้ที่ถูกใจ (ขอไม่บอกนะครับว่าที่ไหน เดี๋ยวหาว่าโฆษณา ฮ่าๆ) ก็เริ่มเลยครับ! วันแรกที่เรียนนี่ตื่นเต้นมาก พูดผิดๆ ถูกๆ ประหม่าสุดๆ แต่ครูเขาก็ใจเย็นนะครับ คอยแก้ไขให้ คอยกระตุ้นให้เรากล้าพูดออกมา ที่สำคัญคือเขาจะปรับการสอนให้เข้ากับระดับของเราจริงๆ เราอ่อนตรงไหน อยากเน้นอะไรเป็นพิเศษ ก็บอกเขาได้เลย
ผมเน้นเรื่องการสนทนาในชีวิตประจำวัน กับเรื่องที่ต้องใช้ในการทำงานเป็นหลัก ครูเขาก็จะหาบทสนทนา หาเรื่องมาคุยกับเราเรื่อยๆ แรกๆ ก็มีติดขัดบ้าง ฟังไม่ทันบ้าง แต่พอผ่านไปสักพัก มันเริ่มดีขึ้นเองครับ เริ่มฟังทัน เริ่มโต้ตอบได้คล่องขึ้น จากที่เคยกลัวการพูดภาษาอังกฤษมากๆ ก็เริ่มรู้สึกสนุกไปกับมัน
มีอยู่ช่วงนึงที่ผมรู้สึกว่าการออกเสียงตัวเองยังเพี้ยนๆ อยู่ ก็บอกครูไปตรงๆ เขาก็จะเน้นสอนเรื่องการออกเสียงแต่ละคำให้ชัดเจนขึ้น หรืออย่างบางแพลตฟอร์มที่เคยดูๆ ไว้ เช่น 51Talk เขาก็มีระบบหรือครูที่ช่วยเรื่องการออกเสียงโดยเฉพาะเหมือนกันนะ อันนี้ก็เป็นข้อดีของการเรียนตัวต่อตัวที่เราสามารถระบุความต้องการของเราได้เลย
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือความมั่นใจครับ จากที่เคยอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าพูด กลายเป็นว่ากล้าที่จะแสดงความคิดเห็น กล้าที่จะถามมากขึ้น เวลาประชุมงานที่มีชาวต่างชาติ หรือเวลาเจอฝรั่งตามที่ต่างๆ ก็เริ่มที่จะกล้าเข้าไปทักทายพูดคุยบ้างแล้ว ถึงจะยังไม่คล่องปรื๋อเหมือนเจ้าของภาษา แต่ก็สื่อสารกันรู้เรื่องมากขึ้นเยอะเลยครับ
ผมว่าการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวมันเหมือนเราได้มีโค้ชส่วนตัวเลยนะ เขาจะเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของเราจริงๆ แล้วก็ช่วยพัฒนาเราได้ตรงจุดมากๆ อย่างเมื่อก่อนผมไม่กล้าใช้แกรมมาร์ซับซ้อนเลย กลัวผิด แต่ครูจากที่เรียนปัจจุบัน หรือแม้แต่ตอนที่เคยลองศึกษาข้อมูลของ 51Talk ก็เห็นว่าครูเขาจะกระตุ้นให้เราลองใช้ แล้วถ้าผิดเขาก็จะช่วยแก้ให้ มันทำให้เราไม่กลัวที่จะลองผิดลองถูก
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึก
ถึงวันนี้ก็เรียนมาได้พักใหญ่แล้วครับ ถามว่าเก่งเทพเลยไหม ก็ยังนะครับ ยังต้องฝึกอีกเยอะ แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนนี่คนละเรื่องเลยครับ ตอนนี้กล้าพูดมากขึ้นเยอะ ฟังเข้าใจมากขึ้น อ่านบทความภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น ถึงแม้จะยังต้องเปิดดิกชันนารีอยู่บ้าง แต่โดยรวมคือพอใจกับพัฒนาการของตัวเองมากๆ ครับ
ใครที่กำลังมองหาวิธีพัฒนาภาษาอังกฤษอยู่ ผมว่าการเรียนตัวต่อตัวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เลยนะครับ มันอาจจะต้องลงทุนหน่อย ทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมา ผมว่ามันคุ้มค่านะครับ ลองดูครับ!
วันนี้ก็มาแชร์ประสบการณ์ประมาณนี้แหละครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ