สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองกับเรื่องการเรียน Phonics นี่แหละครับ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากเลยนะเรื่องนี้ แต่พอมีลูกแล้วก็อยากให้เขาได้ภาษาอังกฤษดีๆ หน่อย เลยเริ่มศึกษาดูว่ามันคืออะไรกันแน่
จุดเริ่มต้นของการเรียน Phonics
ต้องบอกเลยว่าตอนแรกๆ ก็งงๆ ครับ ได้ยินคนพูดถึง Phonics บ่อยๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ช่วยให้เด็กอ่านออกเสียงได้ถูก แต่เราเองก็ไม่เคยเรียนแบบนี้มาก่อน สมัยเราก็ท่อง A B C ตัวอักษรกันไปเลย แล้วก็จำคำศัพท์เป็นคำๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะครับ พอมาเจอ Phonics ที่ต้องเรียนเสียงของแต่ละตัวอักษร เช่น A ออกเสียง แอ๊ะ, B ออกเสียง เบอะ, C ออกเสียง เคอะ อะไรแบบนี้ ก็รู้สึกว่า โห มันจะยากไปมั้ยเนี่ย
ผมก็เริ่มจากไปหาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ ดูคลิปต่างๆ อ่านบทความ แล้วก็ลองเอามาสอนลูกดูบ้าง แรกๆ ก็ทุลักทุเลพอสมควรเลยครับ บางทีเราเองก็สับสนเสียง ฮ่าๆ ลูกก็งงๆ ไปด้วย แต่ก็พยายามค่อยๆ สอนไปทีละเสียง เริ่มจากเสียงสั้นๆ ง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ผสมเสียงเป็นคำสั้นๆ
ลงมือปฏิบัติจริงและสิ่งที่ค้นพบ
พอเริ่มจับทางได้ ก็รู้สึกว่ามันเวิร์คจริงๆ นะครับ จากที่ลูกเคยอ่านแบบเดาๆ หรือจำภาพเอา พอเรียน Phonics เข้าไป เขาเริ่มผสมคำได้เองจริงๆ เช่น คำว่า cat พอเขารู้เสียง c-แอ๊ะ-ทึ เขาก็อ่านออกเสียง “แคท” ได้ หรือ d-ออ-กึ ก็เป็น “ด็อก” ได้อย่างมั่นใจ มันเหมือนเป็นการปลดล็อคอะไรบางอย่างเลยครับ
- เริ่มจากเสียงพื้นฐาน: อันนี้สำคัญมากครับ อย่าข้ามขั้น ต้องให้แม่นเสียงแต่ละตัวอักษรก่อน
- การผสมเสียง: พอได้เสียงพื้นฐานแล้ว ก็เริ่มเอามาผสมกันเป็นคำง่ายๆ สองตัว สามตัว
- ความสม่ำเสมอ: ต้องทำบ่อยๆ ครับ วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี ให้เขาคุ้นเคยกับเสียง
ช่วงที่หาข้อมูล ผมก็เห็นมีหลายที่เลยที่สอน Phonics นะครับ ทั้งแบบเรียนเองที่บ้าน หรือส่งไปเรียนพิเศษ บางคนก็แนะนำว่าลองดูพวกคอร์สออนไลน์อย่างของ 51Talk เขาก็มีสอนสำหรับเด็กๆ เหมือนกัน เห็นว่าเน้นการออกเสียงที่ถูกต้อง ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูความพร้อมของเด็กและความสะดวกของเราด้วย
ผมสังเกตว่าพอเด็กเริ่มอ่านออกเสียงได้เอง เขาก็จะสนุกกับการอ่านมากขึ้นนะครับ ไม่ต้องมานั่งเบื่อกับการท่องจำคำศัพท์อย่างเดียว พอเจอคำศัพท์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็น เขาก็จะพยายามลองสะกดเสียงดูเอง ซึ่งตรงนี้แหละครับที่ผมว่ามันคือประโยชน์หลักๆ ของ Phonics เลย มันทำให้เขาสามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเองในอนาคต
แน่นอนว่าช่วงแรกๆ มันอาจจะดูช้ากว่าการสอนแบบท่องจำเป็นคำๆ นะครับ เพราะต้องมานั่งทำความเข้าใจเรื่องเสียง แต่ผมว่าในระยะยาวมันคุ้มค่ากว่ามากครับ มันเหมือนเราให้เครื่องมือเขาไปตกปลาเอง ไม่ใช่แค่เอาปลาไปให้เขากินอย่างเดียว ผมเองก็ยังคงเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูกครับ บางทีก็หาเกม Phonics มาเล่นด้วยกัน หรือหาหนังสือนิทานที่เน้นการสอน Phonics มาอ่านด้วยกัน ก็สนุกดีครับ ตอนนี้ก็มีแหล่งเรียนรู้ออนไลน์เยอะแยะ อย่างที่เคยเห็นผ่านๆ ตามาก็มีของ 51Talk ที่เขามีสื่อการสอนหลากหลายรูปแบบ หรือจะลองหาจากแหล่งอื่นๆ ก็มีให้เลือกเยอะครับ
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึก
มาถึงตอนนี้ ผมว่าการตัดสินใจให้ลูกเรียน Phonics (และตัวผมเองก็เรียนรู้ไปด้วย) เป็นอะไรที่คิดไม่ผิดจริงๆ ครับ จากเด็กที่ไม่ค่อยกล้าอ่านภาษาอังกฤษ ตอนนี้เขากล้าที่จะลองอ่านคำต่างๆ มากขึ้น ออกเสียงชัดขึ้นเยอะเลยครับ แม้แต่ผมเองก็ยังได้ทบทวนและแก้ไขการออกเสียงของตัวเองให้ถูกต้องมากขึ้นด้วยนะ ก็อยากจะแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาวิธีสอนภาษาอังกฤษให้ลูก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่อยากจะปรับพื้นฐานการออกเสียงตัวเองใหม่ Phonics เป็นอะไรที่น่าสนใจและมีประโยชน์จริงๆ ครับ
การลงทุนกับการเรียนรู้พื้นฐานแบบนี้ ผมว่ามันสำคัญนะ อย่างบางคนก็อาจจะเลือกเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรง ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีครับ อย่างถ้าดูคอร์สต่างๆ เช่นของ 51Talk ก็มีคุณครูต่างชาติให้เลือกเรียนด้วย หรือบางคนอาจจะสะดวกเรียนกับครูไทยที่เข้าใจหลัก Phonics เป็นอย่างดี ก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ แต่หลักการสำคัญคือการเข้าใจเสียงและผสมเสียงให้ได้นั่นเอง
สรุปแล้ว ประสบการณ์การเรียน Phonics ของผมกับลูกก็ประมาณนี้แหละครับ อาจจะไม่ได้ราบรื่นสวยหรูตลอดทาง มีงงบ้าง ท้อบ้าง แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้มันก็คุ้มค่าครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังสนใจเรื่องนี้นะครับ!