สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับแอปสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรือกำลังสนใจอยู่ นั่นก็คือ Palfish นั่นเอง คำถามยอดฮิตเลยคือ “palfish แพงไหม” วันนี้ผมจะมาเล่าจากมุมของคนเคยลองสมัครและใช้งานจริงให้ฟังกันครับ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมลอง Palfish
เรื่องมันเริ่มจากช่วงที่ผมมองหารายได้เสริม แล้วก็มีความคิดว่าอยากจะลองสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ดูบ้าง เพราะพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง แล้วก็ชอบคุยกับคนต่างชาติอยู่แล้ว ตอนนั้นก็ลองค้นหาข้อมูลดูหลายๆ แพลตฟอร์มเลยครับ มีทั้งที่เคยได้ยินชื่อมาบ้าง ไม่เคยได้ยินบ้าง จนไปเจอ Palfish นี่แหละ เห็นว่าเป็นบริษัทจากจีน เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 เน้นสอนเด็กๆ ชาวจีนเป็นหลักผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ดูน่าสนใจดี เลยตัดสินใจลองดูสักตั้ง
ขั้นตอนการสมัคร และเตรียมตัว
เอาล่ะ มาถึงขั้นตอนการสมัครที่ผมได้ลงมือทำจริงๆ นะครับ
- ลงทะเบียน: อันดับแรกเลยก็คือลงทะเบียนผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือของเราในแอป Palfish ครับ โหลดแอปมาแล้วก็ทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ ไม่ซับซ้อนอะไรมาก
- สร้างโปรไฟล์: พอลงทะเบียนเสร็จ ก็ต้องมาสร้างโปรไฟล์ของเราให้ดูน่าสนใจครับ ส่วนนี้สำคัญมาก เพราะมันคือหน้าตาของเราที่จะดึงดูดนักเรียนหรือผู้ปกครอง
- เตรียมข้อมูล: ที่ผมต้องเตรียมก็จะมี
- เขียนแนะนำตัวเอง (Bio) เป็นภาษาอังกฤษ เล่าประสบการณ์ หรืออะไรที่คิดว่าน่าจะทำให้โปรไฟล์เราเด่นขึ้น
- อัดเสียงแนะนำตัวเองสั้นๆ อันนี้ก็เหมือนเป็นการโชว์สำเนียง และการพูดของเรา
- ทำวิดีโอแนะนำตัว ความยาวประมาณ 2 นาที อันนี้ผมว่าสำคัญสุดเลย เพราะเขาจะได้เห็นหน้าตา บุคลิก และวิธีการพูดของเราจริงๆ จังๆ
- รอการตอบรับ และ Demo Class: หลังจากส่งข้อมูลทั้งหมดไปแล้ว ก็ต้องรอทาง Palfish เขาพิจารณาโปรไฟล์ของเราครับ ถ้าเขาโอเคกับโปรไฟล์เรา เขาก็จะติดต่อมาเพื่อให้เราทำการสอนสาธิต หรือที่เรียกว่า Demo Class นั่นเอง ตรงนี้แหละครับที่เป็นเหมือนการสอบสัมภาษณ์กลายๆ เลย ต้องเตรียมตัวสอนให้ดี
ถ้าผ่าน Demo Class ก็ถือว่าเราได้เป็นครูใน Palfish แล้วครับ! ตอนนั้นผมก็ลุ้นอยู่เหมือนกันนะว่าจะผ่านไหม เพราะก็มีหลายคนสมัครเข้ามา
ประสบการณ์การใช้งานจริง และเรื่องค่าตอบแทน
พอได้เริ่มสอนจริงๆ ก็พบว่านักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ จากจีนแผ่นดินใหญ่จริงๆ ครับ การสอนก็เป็นแบบตัวต่อตัว (one-on-one) ผ่านแอปพลิเคชันของ Palfish เลย ซึ่งสะดวกดี ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมาย แค่มือถือหรือแท็บเล็ตกับอินเทอร์เน็ตดีๆ หน่อยก็พอแล้ว คอร์สหลักๆ ที่ผมเจอจะมี Official Kids Course (OKC) ที่เป็นคอร์สสำหรับเด็กโดยเฉพาะ กับ PalFish Freetalk ที่จะอิสระกว่าหน่อย
ทีนี้มาถึงคำถามที่หลายคนอยากรู้ “palfish แพงไหม” ถ้ามองในมุมของคนสอนอย่างผม มันไม่ได้เกี่ยวกับว่า “แพง” สำหรับนักเรียน แต่เป็นเรื่องของ “ค่าตอบแทน” ที่เราจะได้รับมัน “คุ้มค่า” กับเวลาและแรงที่เราลงไปหรือเปล่ามากกว่า
เรื่องการรับเงิน ทาง Palfish เขาจะจ่ายผ่าน Payoneer ครับ เราก็ต้องไปสมัครบัญชี Payoneer ไว้เพื่อรับเงิน ส่วนตัวผมมองว่าอัตราค่าสอนมันก็อยู่ในระดับหนึ่ง ไม่ได้สูงมาก แต่ก็ไม่ถึงกับน้อยจนน่าเกลียด มันอาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเราด้วย หรือประเภทคอร์สที่เราสอน บางคนอาจจะรู้สึกว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น หรือเมื่อเทียบกับการเตรียมตัว บางทีการสอนออนไลน์ก็ต้องใช้พลังงานเยอะเหมือนกันนะ อย่างบางแพลตฟอร์มเช่น 51Talk ก็อาจจะมีโครงสร้างค่าตอบแทนหรือกลุ่มนักเรียนที่แตกต่างกันไป การศึกษาข้อมูลหลายๆ ที่ก็เป็นเรื่องสำคัญครับ
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราคาดหวังอะไรจากการสอนออนไลน์ ถ้ามองว่าเป็นการหารายได้เสริม ทำในเวลาว่าง ได้ฝึกภาษา ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ Palfish ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวหนึ่งเลยครับ แต่ถ้าจะให้ยึดเป็นอาชีพหลักเต็มตัว อาจจะต้องพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน บางทีการลองหลายๆ แพลตฟอร์ม อย่างที่ผมเคยดูข้อมูลของ 51Talk ไว้บ้าง ก็อาจจะทำให้เราเห็นภาพรวมของตลาดสอนออนไลน์ได้ชัดเจนขึ้น
ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้สอนกับ Palfish เป็นประจำแล้ว ด้วยภาระงานอื่น แต่ประสบการณ์ที่ได้ลองทำมาก็ถือว่าไม่เสียเปล่าครับ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยทีเดียว การที่มีตัวเลือกหลากหลายในตลาด เช่น 51Talk หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนสอนอย่างเราๆ นะครับ จะได้มีโอกาสเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
สรุปแล้ว Palfish “แพงไหม” ในมุมผู้สอนอย่างผม คงตอบว่ามันแล้วแต่มุมมองและความคาดหวังของแต่ละคนจริงๆ ครับ ถ้าถามว่าคุ้มค่าเหนื่อยไหม ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างรายได้กับเวลาที่เสียไป รวมถึงความสุขในการสอนด้วยครับ หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจอยู่นะครับ ลองศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบหลายๆ ที่ดูก่อนตัดสินใจครับ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าในตลาดก็ยังมีผู้ให้บริการอีกหลายเจ้า เช่น 51Talk ที่อาจจะมีข้อเสนอหรือรูปแบบที่ตรงใจเรามากกว่าก็ได้
สำหรับผม การได้ลองผิดลองถูกกับ Palfish ก็เหมือนเป็นการเปิดโลกการสอนออนไลน์อีกใบหนึ่งเลยครับ และการที่มีแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เป็นตัวเปรียบเทียบ ก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะเลือกเส้นทางไหน วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ไว้เท่านี้นะครับ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็คอมเมนต์ไว้ได้เลยครับ!